‘มูน’ไม่ช่วย
ชาวนาอีสานสุดระทม
แล้งวิกฤติรอบ10ปี
ฝนตกน้อยเลยอ่าง
ข้าวขาดน้ำยืนต้นตาย
ชาวนาหลายจังหวัดอีสาน ทั้งเลย–ศรีสะเกษ–สารคามช้ำหนัก แล้งจัด พายุเข้าแต่ฝนตกไม่เข้าเขื่อน–แหล่งต้นน้ำ–นา ข้าวยืนต้นใกล้ตาย ชี้สาหัสสุดในรอบ 10 ปี แม่ฮ่องสอนฝนถล่มเจอดินสไลด์ น้ำซัดสะพานขาด ผู้เลี้ยงปลาริมโขงขาดทุนระนาว ตลิ่งทรุดลงกระชัง ปลาหายกว่า 3 ตัน หลังสถานการณ์พายุโซนร้อนมูน ที่พัดขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง แต่จนถึงขณะนี้ ยังมีหลายจังหวัดต้องเผชิญภัยแล้ง พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้กำลังจะแห้งตาย เนื่องจากฝนที่ตกไม่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งขอด
เลยสาหัสพายุเข้าฝนไม่ตกข้าวแห้งตาย
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เลยว่า ชาวบ้านหลายพื้นที่กำลังประสบภาวะแล้งหนัก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเกิดต่อเนืองมาหลายเดือนแล้ว แม้หลายหน่วยงานคาดว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ หลังพายุฝนพาดผ่าน แต่ปรากฏปริมาณฝนที่ตกน้อยมาก หรือไม่ตกเลย ทำให้เกษตรกรเริ่มกังวลว่าจะไม่มีน้ำใช้ในระยะยาว
นายสวาท ภักมี เกษตรกรบ้านติ้วน้อย บ้านเลขที่ 75 หมู่ 5 บ้านนาโป่ง เมืองเลย เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝนทิ้งช่วงมาหลายเดือนแล้ว ที่คาดว่าจะมีฝนตก เพราะเป็นหน้าฝนและช่วงพายุพัดผ่าน แต่พอถึงเวลาก็ไม่มีฝนตกเลย 5-6 วัน ไม่มีน้ำ ฝนไม่ตกลงอ่างหรือในพื้นที่นาเกษตรกรเลย ตนมีนา 3 ไร่ ขณะนี้ฝนทิ้งช่วงนานมาก กอนาข้าวแล้ง ดินแตก ต้นข้าวแกรน คาดว่า อีก 1 อาทิตย์ต้นข้าวคงตายและอาจต้องลงทุนใหม่แน่นอน เรื่องน้ำตอนนี้ต้องรอฝนอย่างเดียว ระบบชลประทาน แม่น้ำที่อยู่ในพื้นที่ แม่น้ำฮวย ก็แล้งเหมือนกัน
สารคามหนักสุดรอบ10ปี-น้ำฝนไม่เข้าเขื่อน
เช่นเดียวกับ จ.มหาสารคาม นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลางเปิดเผยว่า ถึงแม้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยจะได้อิทธิพลจากพายุมูน แต่ในจ.มหาสารคามกลับมีฝนตกลงมาไม่มาก ไม่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่งได้ ทำได้เพียงสร้างความชุ่มชื้นให้นาข้าว ช่วยยืดระยะเวลาต้นข้าวไม่ให้แห้งตายเท่านั้น ที่ท้ายเขื่อนวังยางมีเนินทราย และเนินหินโผล่ขึ้นมาชัดเจนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ปีนี้ถือว่าสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
ปัจจุบันเขื่อนวังยางมีน้ำที่ระดับเก็บกัก 135.14 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากระดับเก็บกักปกติ 137.00 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต่ำกว่าระดับเก็บกักเกือบ 2 เมตร ระดับน้ำท้ายฝายอยู่ที่ 129.38 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เปิดประตูระบายน้ำ 1 บาน จาก 6 บาน ระบายน้ำผ่านเขื่อน 0.76 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 0.06 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ปริมาณน้ำอยู่ที่ 18.26 ล้าน ลบ.ม. ระดับน้ำหน้าเขื่อนลดลงจากเมื่อวานนี้ 11 เซนติเมตร โดยระดับน้ำลดลงเฉลี่ยวันละ 5-10 เซนติเมตร เนื่องจากเขื่อนปล่อยน้ำช่วยเกษตรกรตามแผนบริหารจัดการน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ขณะที่ค่าฝนเฉลี่ยปีนี้ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 291.7 มิลลิเมตร จากค่าเฉลี่ยฝนทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร
ศรีสะเกษแห้งฝนตกพื้นราบไม่เข้าอ่าง
ที่จ.ศรีสะเกษ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำสำคัญ ใกล้จุดวิกฤติไม่แพ้จังหวัดอื่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้จะมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตกตามพื้นที่ราบ ตามเทือกเขามีตกบ้าง ป่าเขาที่เป็นต้นน้ำลำธารฝนไม่ตก ทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ ทำให้อ่างหลายแห่งน้ำลดฮวบใกล้แห้งขอด โดยอ่างเก็บน้ำ 16 อ่างหลักของจ.ศรีสะเกษ มีน้ำลดลง เหลือปริมาณน้ำในอ่างรวมกันทั้งหมด เพียง 207 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำห้วยตามายอ.กันทรลักษณ์ มีพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานที่รับผิดชอบ 25,000 ไร่ เป็นอ่างใหญ่สุดของอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 อ่าง มีน้ำเหลืออยู่เพียง 37 ล้าน ลบ.ม.ชาวบ้านนำวัวควายลงไปเลี้ยงกินหญ้าในอ่างได้ และตอนนี้ฝนเริ่มทิ้งช่วง น้ำในอ่างไม่มีปล่อยไปหล่อเลี้ยงต้นข้าว ชาวนาหวั่นว่าต้นข้าวจะขาดน้ำจนยืนต้นตาย
แม่ฮ่องสอนดินสไลด์-สะพานขาด
ส่วนที่จ.แม่ฮ่องสอน พ.อ.วุฒิ ปฐมเรืองกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 เปิดเผยว่า หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย เข้าสำรวจความเสียหายในพื้นที่ บ.แม่สามแลบ ม.1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน หลังช่วงค่ำวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักจน เกิดดินสไลด์ทับเส้นทางระหว่าง บ.แม่สามแลบ ม.1-บ.กอมูเดอ ม.9 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย นอกจากนี้ สะพานข้ามห้วยแม่สามแลบถูกน้ำป่าในลำห้วยแม่สามแลบไหลทะลักกัดเซาะ จนคอสะพานชำรุด รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านไป-มา ได้ เบื้องต้นอบต.แม่สามแลบ กรมทางหลวง และหน่วย นพค.36 พร้อมกำลังพล เข้าช่วยเหลือเพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรไปมาได้
เตือนเฝ้าระวังน้ำป่า
ขณะที่ในอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เกิดเหตุต้นไม้หักโค่นปิดทับเส้นทางถนนหลวงสาย 108 แม่สะเรียง- เชียงใหม่ ห่างจากด่านตรวจก่อนเข้า อ.แม่สะเรียง 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่หมวดการทางแม่สะเรียง ตำรวจทางหลวงแม่สะเรียงได้เคลื่อนย้ายต้นไม้ที่ล้มขวางถนนออกจนเปิดกเส้นทางเดินรถได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน ในหลายพื้นที่ของอ.แม่สะเรียงมีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนสไลด์ ถ้ายังมีฝนตกต่อเนื่อง
ดินริมโขงสไลด์ทับกระชังปลาสูญ3ตัน
อีกด้านหนึ่ง มีความเสียหายจากความผันผวนของน้ำในแม่น้ำโขง พื้นที่จ.นครพนมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เลี่ยงปลากระชัง ตั้งแต่บ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม ถึงบ้านห้อม หมู่ 1 ต.อาจสามารถ ไม่น้อยกว่า 100 กระชัง โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีพายุเข้าถล่ม ทำให้ดินริมแม่น้ำโขง สไลด์พังทับกระชังปลาของเกษตรกรเสียหายจำนวนมาก และมีปลากระชังไหลไปกับสายน้ำโขงรวมแล้วเกือบ 3 ตัน สูญเงินกว่า 2 แสนบาท
นางประดิษฐ์ นรากรเกียรติ อายุ 61 ปี เกษตรกรเลี้ยงปลากระชัง บ้านห้อม หมู่ 1 ต.อาจสามารถเผยว่า ปีน้ำแม่น้ำโขงผันผวนมากที่สุดในรอบ 10 ปี น้ำสูงจนเกือบล้นตลิ่ง แต่ปีนี้กลับมีระดับน้ำต่ำกว่าทุกปี ส่งผลกระทบต่ออาชีพเลี้ยงปลากระชัง เนื่องจากระดับน้ำเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ปลากระชังเลี้ยงยาก ไม่ค่อยกินอาหาร บางกระชังมีปลาตาย แต่ที่สาหัสสุดคือ ดินตลิ่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นดินตะกอน ที่ไหลมาทับถมช่วงน้ำโขงสูงเมื่อปี 2561 เกิดปัญหาดินสไลด์พังเป็นแนวยาว เพราะฝนที่ตกหนักทำให้ดินริมตลิ่งอุ้มน้ำไม่ไหว แล้วทรุดลงแม่น้ำโขง บางจุดไหลทับกระชังปลาเสียหายมากกว่า 10 กระชัง ทำให้ผู้เลี้ยงขาดทุนหนัก
กรมข้าวแนะวิธีทำนาประหยัดน้ำ
ด้าน นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าวเปิดเผยว่า จากข้อมูลของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เตือนเกษตรกรเตรียมรับมือภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งคาดาจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมไปจนถึงเดือนกันยายน จึงจำเป็นต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อนหลักที่มีปริมาณน้ำไม่ถึงร้อยละ 30 ให้มีประสิทธิภาพ โดยปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 อาจเกิดวิกฤตภัยแล้งได้ จึงขอให้ชาวนา-เกษตรกรบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เพียงพอต่อการอุปโภค/บริโภค รวมถึงการทำนา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง กรมการข้าว เตรียมนำงานวิจัย จัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งในการทำนามาเสนอเป็นทางเลือกให้ชาวนา เพราะพบว่า สามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึงร้อยละ 30-50 ขึ้นอยู่กับชนิดของดินและสภาพอากาศแต่ละพื้นที่ ซึ่งการทำนาแบบให้น้ำขังตลอดฤดูปลูก ซึ่งเป็นวิธีปกติของชาวนาทั่วไปต้องใช้น้ำประมาณ 1,200 ลบ.ม./ไร่/ฤดู อีกทั้ง ยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสูบน้ำได้ 30% นอกจากนี้ ในสภาพดินแห้ง รากข้าวได้รับอากาศสามารถแตกรากข้าวใหม่มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับธาตุอาหารได้ดี ต้นข้าวแข็งแรงขึ้น ทนต่อโรคและแมลงศัตรูข้าวได้ดี เป็นผลให้ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูข้าวอีกทางหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี