กรมชลฯ ชี้ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ ส่งผลน้ำไหลลงเขื่อนน้อยลง วอนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด 4เขื่อนใหญ่ลุ่มเจ้าพระยา เหลือน้ำใช้การ 1.9 พันล้านลบ.ม. รวมเขื่อนทั่วประเทศมีน้ำใช้ 1.3 หมื่นล้านลบ.ม. หวังเก็บน้ำทุกหยดเข้าเขื่อนอีก 3.8 หมื่นล้านลบ.ม. ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ งดส่งน้ำทำนา ด้านสสนก.เตือน เขื่อนใหญ่น้ำใช้การวิกฤต 18 แห่ง ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ ภูมิพล 7-8%
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนและประเทศไทย ประกอบกับ มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและชายฝั่งของประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ โดยบริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีการกระจายของฝนมากกว่าภาคอื่นๆ แต่ปริมาณฝนที่ตกยังคงน้อยกว่าค่าปกติ ส่งผลต่อปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆน้อยลงด้วย
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ปัจจุบัน(11 ก.ค.62) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 37,018 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้ ประมาณ 13,093 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันมากกว่า 38,000 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,596 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,900 ล้าน ลบ.ม. ซึ่ง 4 เขื่อนหลักยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,200 ล้าน ลบ.ม.
ทางด้านแม่น้ำสายหลักต่างๆทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย เฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ 358 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 7.95 เมตร มีแนวโน้มลดลง และยังคงการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 60 ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศ ทั้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนที่ อ.บางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 67 ลบ.ม./วินาที
กรมชลประทาน ได้ติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ คาดการณ์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำและสภาพน้ำท่าในแม่น้ำสายหลักและแม่น้ำสาขาต่างๆ พร้อมกำชับให้ทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศ เก็บกักน้ำไว้ในอ่างฯให้ได้มากที่สุด พร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนและทุกภาคส่วน ให้ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ
สำหรับกรณีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี บริเวณท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ในเขตโครงการชลประทานหนองหวายเสี่ยงขาดแคลนน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์อยู่ในเกณฑ์น้อย ต้องสำรองน้ำไว้ใช้เฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย ได้จัดประชุมร่วมกับผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน เพื่อวางแนวทางการใช้น้ำจากฝายหนองหวาย ที่มีอยู่ประมาณ 17 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำแบบรอบเวรอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะทำให้การกระจายน้ำเข้าสู่พื้นที่เป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ด้านเว็บไซต์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ได้เตือนสถานการณ์เขื่อน มีน้ำใช้การน้อยวิกฤต (%ใช้การฯ) เช่น เขื่อนอุบลรัตน์(0%),เขื่อนสิรินธร(1%),เขื่อนป่าสักฯ(6%),เขื่อนคลองสียัด(6%),เขื่อนสิริกิติ์(7%),เขื่อนภูมิพล(8%),เขื่อนจุฬาภรณ์(9%),เขื่อนกระเสียว(10%),เขื่อนแควน้อย(12%),เขื่อนทับเสลา(13%),เขื่อนขุนด่านปราการชล(13%),เขื่อนลำพระเพลิง(14%),เขื่อนแม่กวง(15%),เขื่อนนฤบดินทรจินดา(16%),เขื่อนวชิราลงกรณ(17%),เขื่อนน้ำพุง(18%),เขื่อนห้วยหลวง(18%),เขื่อนศรีนครินทร์(19%)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี