ล่า20แก๊งค้ายา
ตบตา ตร.ส่งผ่านไปรษณีย์
ปปส.ชี้ระดับพ่อค้ารายย่อย
อ้างใช้ชื่อคนอื่นบังหน้า
เตือนระวังพัสดุต้องสงสัย
ป.ป.ส.จับมือตร.ไล่ล่า “20 แก๊งยานรก” เปลี่ยนเส้นทางส่งของผ่านพัสดุไปรษณีย์ อาศัยชื่อคนอื่นหวังตบตาตำรวจชี้เป็นรายย่อยของกลางน้ำหนักมากที่สุด 10 กก. เตือนปชช.ระวังอย่าให้ใครมาใช้ชื่อ-บัตรปชช. หากเกิดเรื่องต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.)กล่าวถึงการสืบสวนขยายผลติดตามคดีขบวนการค้ายาเสพติดจัดส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ทางไปรษณีย์ว่าปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติด ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเช่นเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ในการติดต่อกับลูกค้าปลายทางซึ่ง ป.ป.ส.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ร่วมกันสืบสวนพบว่ามีประมาณ 20กลุ่ม เป็นระดับพ่อค้ารายย่อย ขายแบบปลีกจำนวนไม่มาก เมื่อส่งยาเสพติดแล้ว จะเปลี่ยนพฤติการณ์ไปเรื่อยๆโดยพบว่ามีการส่งมากถึง 10 กิโลกรัม เพียง 2-3 รายเท่านั้น
ส่วนวิธีการส่งยาเสพติดทางพัสดุนั้น นายนิยมกล่าวว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะมีการอำพรางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ โดยส่วนใหญ่ยาเสพติดต้นทางมาจากภาคเหนือ แต่เปลี่ยนมาส่งยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาภาคกลางแทนหรือไปภาคอื่นๆ เป็นการหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ทำให้ตรวจสอบเข้าไปถึงกลุ่มค้ายาเสพติดยากขึ้น รวมทั้งมีการใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้รับ และผู้ส่งของ
“ดังนั้น ขอเตือนประชาชนอย่าให้คนไม่รู้จักมาใช้บัตรประชาชนเป็นชื่อส่งพัสดุไปรษณีย์ หรือหากมีพัสดุต้องสงสัยและไม่รู้จักชื่อผู้ส่ง ควรหลีกเลี่ยงไม่รับ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ เพราะแม้ว่าเราจะไม่ทราบว่าภายในมีอะไรแต่เมื่อเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ก็เป็นภาระของเราที่ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง” นายนิยม กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดเป็นสิ่งมีมูลค่าต้องมีการตกลงกันอยู่แล้วระหว่างผู้รับและผู้ส่ง ถ้าตกหล่นหายไปความเสียหายจะเกิดขึ้นกับคนที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันพล.ต.ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผู้บัญชาการควบคุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาค2และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด มณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) นครพนม และตำรวจชุดสืบสวนนครพนม ตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครองจับกุมตัวท้าวตุ่ย ไซยะวง อายุ 42 ปี ชาวบ้านน้ำเงียบ เมืองปากซัน สปป.ลาว พร้อมยึดของกลางยาบ้า 630,000เม็ด บริเวณริมถนนทางหลวงชนบทรอยต่อระหว่างบ้านคำนกกก ต.หนองแวง อ.บ้านแพง กับบ้านนานอ ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนมได้ และสารภาพว่าเป็นเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด มีหน้าที่ลักลอบนำยาเสพติดข้ามจากฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาพักไว้ริมถนน ตามจุดที่นายทุนผู้กำหนด จากนั้นจะมีรถมารับช่วงขนไปพักรอส่งต่อ
จากนั้น ตำรวจได้ขยายผลพบมีคนไทยคอยให้ความร่วมมือช่วยเหลือขนส่งยาบ้ าชื่อนายสีโห ก้อนกั้น อายุ 66 ปี อดีต อบต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวนายสีโห ภายในบ้านพัก พร้อมยึดของกลางเป็นรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน กง 2682 นครพนม ไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นนายสีโห ให้การยอมรับ ได้ติดต่อไปมาหาสู่กับท้าวตุ่ย เพื่อนชาว สปป.ลาว จากนั้นเมื่อได้ภรรยาเป็นชาวลาว ก็เดินทางข้ามไปมาตลอด กระทั่งท้าวตุ่ย มายืมรถเก๋งไปใช้ บอกเพียงว่าจะเอาไปขนของแล้วจะให้ค่าจ้างเป็นเงิน 40,000บาท ด้วยความที่อยากได้เงิน จึงไม่ได้ซักถาม จนมารู้ตอนหลังเอาไปขนยาบ้า แต่ครั้งนี้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ไม่เคยมีประวัติถูกจับกุมมาก่อน อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสองราย น่าจะติดต่อซื้อ-ขายยาเสพติดข้ามชาติมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากเฝ้าติดตามพฤติกรรมมาเป็นเวลานาน กระทั่งมีหลักฐานเข้าจับกุมขยายผลดังกล่าว คาดว่าจะมีนายทุนสำคัญรายใหญ่อยู่เบื้องหลัง น่าจะขนยาเสพติดลำเลียงส่งไปจำหน่ายยังภาคใต้ ถ้าล็อตนี้รอดพ้นไปได้จะมีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี