ดันอสม.นำร่อง
ปลูกกัญชาใช้รักษาโรค
‘เสี่ยหนู’ยันความสำเร็จ
บรรจุในนโยบายรบ.แล้ว
เล็งตั้งองค์กรคุมซื้อขาย
“เสี่ยหนู”ลั่นกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์เกิดแน่ บรรจุในนโยบายรัฐบาลแล้ว รอฟังนายกฯแถลงได้เลย เดินหน้าดันอสม. นำร่องปลูกกัญชา เข้าคอร์สอบรมก่อน ขยายผลเข้าถึงคนทั่วไป เล็งตั้งองค์กรดูแลคล้ายรง.ยาสูบ ทำหน้าที่รับซื้อ เพราะยังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ชาวบ้านค้าเองไม่ได้ ด้านเลขาฯ ป.ป.ส.ส่งมอบกัญชาของกลางกว่า 600 กก.ให้ 3 องค์กร เพื่อสกัดทำยารักษาโรค
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์” โดยมีนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุทา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข องค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
โดยนายอนุทินกล่าวระหว่างการสัมมนาว่า เราสัญญากับประชาชนถ้าพรรคเราได้เป็นส.ส. ได้โอกาสเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินจะทำเรื่องใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรคตามกฎหมาย หลังจากนี้ไปนโยบายกัญชาเสรีเพื่อทางการแพทย์เป็นนโยบายของคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันถึงจะสำร็จ
ส่วนที่มีคนสอบถามเข้ามามากเมื่อไหร่จะจำหน่าย หรือปลูกได้ เพราะอยากสูบอยากพี้ นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพรรค นโยบายหลักคือ เป็นทางเลือกรักษาโรค ถ้าทำสำเร็จจะทำให้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ลดน้อยลง เราต้องดูแลสุขภาพคนไทยให้ทุกคนเข้าถึงได้ และไม่ได้ดูแลบริษัทค้ากำไรจากการขายยา
“ในฐานะที่ดูแลกำกับนโยบายนี้ และผมเข้ามาแล้วจะประสานเรื่องนี้ผลักดันนโยบายนี้ทันที และ นโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ถูกบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ขอให้รอฟังนายกฯประกาศนโยบายรัฐบาลในไม่ช้านี้” นายอนุทิน กล่าว
ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุทา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวตอนหนึ่งว่า
การใช้กัญชาแต่ละครั้งต้องใช้เป็นจำนวนน้อย เพื่อรอให้ออกฤทธิ์ ผู้ใช้จึงต้องรู้จักข้อจำกัดของการใช้กัญชา ก็จะเกิดประโยชน์ อีกทั้ง การใช้กัญชาจำเป็นต้องศึกษาการใช้ยาแผนปัจจุบันด้วย เพื่อไม่ให้ยาทั้งสองชนิดตีกัน รวมถึงการปรับพฤติกรรมการกินก็มีผลต่อการใช้กัญชา ขณะนี้กรมการแพทย์ได้รู้ถึงวิธีการใช้กัญชาอย่างเหมาะสม และใครสามารถใช้ได้บ้าง เพราะเมื่อใช้กัญชารักษาโรคเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นจะส่งผลต่อสมองในอนาคต ส่วนตัวจึงไม่สนับสนุนให้ใช้กัญชาในทางสันทนาการเพื่อไม่ให้เกิดอาการเสพติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังงานสัมมน ภาคประชาชน 12 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิข้าวขวัญ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ มูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย มหาวิทยาลัยรังสิต เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายเกษตรกรรมธรรมชาติ ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน (ขสช.) เครือข่ายผู้ป่วย และคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. ออกแถลงการณ์สนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อให้หมอพื้นบ้าน อย่างนายเดชา ศิริภัทร ใช้รักษาผู้ป่วยกรณีจำเป็นเฉพาะรายอย่างต่อเนื่อง และทันต่อความต้องการของผู้ป่วย
นายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังการสัมมนาว่า โดยยืนยันว่า การดำเนินการให้กัญชาถูกกฎหมายนั้นมีขั้นตอน ขณะนี้ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) เพื่อให้มีข้อยกเว้นในการใช้กัญชาทางการแพทย์ การค้นคว้าพัฒนา และการรักษาโรคในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อตนได้เข้าไปทำงานเต็มตัว ส่วนการปลูกกัญชา ถ้าปลูกในบ้านก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นผู้ดูแล เพราะจะจัดอบรมให้อสม.ไปถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ประชาชนทั่วไป เพื่อขยายผลการปลูกในบ้าน คาดว่าใช้เวลา 1-2 ปี จะเรียบร้อยทั้งหมด เครือข่ายอสม. ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขทุกคนขึ้นทะเบียนแล้วเรียบร้อย เราจัดอบรมอสม.ให้รู้ข้อมูลการปลูก การใช้เมล็ดพันธุ์ การกินเพื่อถูกต้องปลอดภัย รักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าจะให้อสม.ปลูกนำร่องใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อาจเริ่มต้นตรงนั้น เพราะอสม.ก็คือประชาชน แต่ต้องปลูกเป็นครัวเรือน ส่วนการแก้กฎหมายมีขั้นตอนอยู่และใช้ช่องทาง เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยจะต้องมีองค์กรรับซื้อกัญชา เพราะประชาชนจะค้ากัญชาเองไม่ได้ ทำคล้ายกับโรงงานยาสูบที่มีองค์กรดูแล
วันเดียวกัน ผู้สีอข่าวรายงานว่า นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานส่งมอบกัญชาของกลาง ที่ได้รับการอนุญาตครอบครองจากคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) จำนวน 632 กิโลกรัม ให้น.ส.จันทิมา สุวรรณ แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ ผู้แทนจากรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการเเพทย์ และการศึกษาวิจัย
โดยนายนิยมกล่าวว่า กัญชาของกลางที่ป.ป.ส.ครอบครองอยู่มี 22 ตัน ส่วนจะนำไปสกัดน้ำมันกัญชาได้หรือไม่ ต้องให้อย.ไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนก่อน ถ้าไม่มี จะส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานที่ได้ขอรับการสนับสนุนกัญชาแล้ว 10 หน่วยงาน และมี 3 หน่วยงาน ที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ได้แก่ รพ.พระอาจารย์ฝั้นอาจาโร ขอรับการสนับสนุนของกลางกัญชา 7 กิโลกรัมนำไปผลิตเป็นยา 16 ตำรับยา ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ ยาทำลายพระสุเมรุ ยาทัพยาธิคุณ ยาแก้สันฑฆาต ยาไฟอาวุธ รวม 5 ตำรับยา สำหรับผู้ป่วย 1,600 ราย ให้ทันต่อความต้องการของสถานบริการของรัฐและเอกชน ตลอดจนผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวรักษาโรค
นายนิยมกล่าวต่อว่า หน่วยงานที่สองคือ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขอรับการสนับสนุนของกลางกัญชา 662 กิโลกรัม เพื่อนำไปทำยาพัฒนาจากสมุนไพร (น้ำมันกัญชา) ใช้ทางการแพทย์ โดยการคำนวณปริมาณกัญชา 662 กิโลกรัม จะได้น้ำมันกัญชาที่มีค่า THC ร้อยละ 5 บรรจุขวดละ 5 กรัม จำนวนถึง 127,104 ขวด รักษาผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก และหน่วยงานที่สามคือ คณะทันตแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอรับกัญชา 10 กิโลกรัม เพื่อพัฒนายาต้นแบบใช้รักษาผู้ป่วยโรคทันตกรรม และโรคพาร์กินสัน
“ป.ป.ส.ยืนยันว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย หากประชาชนซื้อขายหรือครอบครอง รวมถึงปลูกไว้ที่บ้านแม้อ้างเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการรักษาก็ถือว่าผิดกฎหมาย หากมีความจำเป็นต้องใช้สารสกัดจากกัญชาขอให้ไปพบแพทย์เพื่อให้ประเมินว่ามีความจำเป็นขนาดไหน ไม่ควรซื้อมาใช้เอง”นายนิยมกล่าว
น.ส.จันทิมา ตัวแทนจากรพ.อภัยภูเบศร์เผยว่า วว่า กัญชาของกลางที่ได้รับวันนี้ 632 กิโลกรัมจะนำไปตรวจหาสารปนเปื้อนและส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจ หลังทราบผลจะผลิตได้อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนครึ่ง เพื่อนำไปรักษาเป็นคนไข้ที่ป่วยโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย น่าจะได้ประมาณ 1 แสนขวด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี