เกิดเหตุไฟไหม้โต๊ะหมู่บูชาในอุโบสถวัดราชบูรณะ จนท.ดับเพลิงเทศบาลนครพิษณุโลกรุดควบคุมเพลิง คาดเกิดจากธูปเทียนที่มีผู้จุดไว้หลังจากมาเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชา ปกติจะปิดไม่ให้คนเข้าเพราะอยู่ระหว่างช่วงบูรณะจิตรกรรมฝาผนังโดยกรมศิลปากร ที่หลังจากไฟไหม้ได้รับความเสียหายจากเขม่าควันสีดำที่เกาะเต็มฝาผนัง
17 กรกฏาคม 2562 ได้เกิดเหตุไฟไหม้ในอุโบสถวัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากชายคาด้านบนของอุโบสถ จนท.ดับเพลิงของเทศบาลนครพิษณุโลกรุดนำสายน้ำเข้าไปฉีดควบคุมเพลิงภายในอุโบสถ โดยต้นเพลิงเกิดบริเวณโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระประธานหลวงพ่อทองดำ ไฟลุกไหม้ได้รับความเสียหายจนท.ดับเพลิงใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 20 นาที และใช้เครื่องดูดควัน ดูดควันดำภายในอุโบสถออกมาภายนอก โดยมีร้อยเวรพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพิษณุโลก มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจากนั้นได้ประสานจนท.ตำรวจวิทยาการมาตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้อีกครั้งหนึ่ง
พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมืองจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ที่น่าห่วงคือ จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถน่าจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะมีคราบเขม่าสีดำ เกาะเต็มจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ระหว่างการบูรณะโดยกรมศิลปากร ปกติแล้วภายในอุโบสถไม่ได้เปิดให้คนเข้าไป เพราะกรมศิลปากร อยู่ระหว่างการบูรณะจิตรกรรมฝาผนังด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านบาท จึงไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้า และห้ามจุดธูปเทียน เพราะภายในมีวัตถุไวไฟที่ใช้ในการบูณะจิตรกรรมฝาผนัง แต่เมื่อคืนเป็นวันอาสาฬหบูชา มีการเวียนเทียน คาดการณ์ว่าญาติโยมจะเข้าไปจุดธูปเทียนแล้วไม่ได้ดับ จึงเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ยังไม่ทราบว่าจิตรกรรมฝาผนังจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ต้องรอจนท.กรมศิลปากรมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
พระครูสิทธิธรรมวิภัช เผยต่อว่า วันนี้วันเข้าพรรษา ทางวัดจะต้องทำพิธีมหาปวารณาเข้าพรรษา ที่พระภิกษุสงฆ์ต้องทำพิธีในภาคเย็นภายในอุโบสถ ต้องรอดูก่อนว่าจะทำพิธีได้หรือไม่ สำหรับอุโบสถวัดราชบูรณะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง สมัยอยุธยา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่คาดว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในภาคเหนือ ด้านล่างเป็นภาพวาดกามกรีฑา ด้านบนเป็นรามเกียรติ์ และมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ฝาแฝดอินจัน ในยุคต้นรัตนโกสินทร์อยู่ด้วย
กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดราชบูรณะไว้เป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53ตอน 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 และกรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบูรณะ ดังนี้ คือ ปี พ.ศ. 2528 บูรณะวิหารหลวง ปี พ.ศ. 2530 อนุรักษ์ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ และปี พ.ศ. 2533 บูรณะเจดีย์หลวง โดยเสริมความมั่นคงทางรากฐาน และต่อยอดพระเจดีย์ทรงลังกาซึ่งหักชำรุดหายไปให้บริบูรณ์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นสันนิษฐานว่าได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพราะได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ แล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรติ์ และมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารแล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องพระพุทธประวัติ โดยจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถนั้น ได้รับความเสียหายจากน้ำฝนและความชื้น จากสภาพหลังคาที่อายุเก่าแก่ จึงนำมาสู่การบูรณะครั้งหลังคาอุโบสถล่าสุดในปี 2556 และงานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังในปี 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี