ประชาชนหลายจังหวัดร่วมสืบสานประเพณีสืบทอดพระพุทธศาสนาทำบุญตักบาตร เทศกาลเข้าพรรษา จัดขบวนแห่เทียนที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม ถ่ายทอดพุทธประวัติ-ล้อการเมือง ทั้งที่ อุบลฯ โคราช บุรีรัมย์สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทั้งไทย-ต่างชาติจำนวนมากที่มาชื่นชมความสวยงาม

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายจังหวัดสืบสานประเพณีแห่เทียนพรรษาอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ที่จังหวัดอุบลราชธานี แห่เทียนพรรษาปีนี้ชุ่มฉ่ำ โดยมี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานประเพณีแห่ต้นเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2562 ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมา ซึ่งขบวนแห่เทียนขบวนแรก เป็นต้นเทียนพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตามด้วยขบวนต้นเทียน และการแสดงจากประเทศภูฏานที่เข้าร่วมงานประเพณีเป็นปีแรก

จากนั้น เป็นขบวนต้นเทียนโชว์ของธนาคารออมสิน และขบวนเรือพนมพระของจ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งผู้ร่วมขบวนแต่งกายตามวัฒนธรรมของชาวใต้ และขบวนการแสดงของศิลปินแห่งชาติและศิลปินหมอลำหมอแคนชาวอุบลราชธานี ต่อมาเป็นขบวนต้นเทียนพรรษาประเภทแกะสลักขนาดใหญ่ของวัดทุ่งศรีเมือง ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวบุญมหาชาติ ของพระเวชสันดรให้ทาน โดยใช้ลวดลายการแกะสลักเป็นลายกนกเปลว ลายเครือเถาว์ และลายไทยอย่างสวยงาม

นอกจากนี้ ยังมีขบวนต้นเทียนแกะสลักขนาดใหญ่ของวัดเมืองเดช อ.เดชอุดม ซึ่งได้ปรับแก้ความเสียหายบางส่วนแต่ยังคงความสวยงาม หลัง เกิดเหตุต้นเทียนส่วนท้ายหักระหว่างเดินทางจะมาตั้งแสดงที่สวนสาธารณะทุ่งศรีเมืองทั้งนี้ต้นเทียนพรรษาของ จ.อุบลราชธานี เน้นเล่าเรื่องราวพุทธประวัติเป็นหลัก จึงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวที่มารอชมจำนวนมาก

เช่นเดียวกับ ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2561 ภายใต้ชื่องาน แห่เทียนโคราช เสริมบุญ สร้างบารมี พร้อมทั้งปล่อยขบวนรถเทียนพรรษาและขบวนแห่การละเล่นพื้นเมืองขนบธรรมเนียมประเพณีเข้าพรรษาของแต่ละคุ้มวัด โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินับหมื่นคนเดินทางไปชมความงามอลังการของขบวนเทียนพรรษาเนืองแน่น แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว ซึ่งทางจังหวัดต้องจัดเครื่องพ่นละอองน้ำ ป้องกันเทียนละลาย ปีนี้มีขบวนเทียนพรรษา และขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆในจจังหวัดเข้าร่วมประกวด 24 ขบวน โดยขบวนเทียนพรรษาแห่รอบเขตเทศบาลนครราชสีมา เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมความงดงามอลังการของขบวนเทียนพรรษาอย่างใกล้ชิด โดยแนวคิดการแกะสลักขบวนเทียนเน้นบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ

ที่ จ.บุรีรัมย์ นายกฤษฎา แก้วสองเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ที่หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีขบวนต้นเทียนพรรษาประเภทแกะสลัก จากชุมชน และคุ้มวัด ส่งขบวนต้นเทียนที่แกะสลักตกแต่งอย่างสวยงามเข้าร่วมประกวดในงานประเพณีแห่เทียน 5 คุ้มวัด ประกอบด้วย วัดกลาง(พระอารามหลวง) , วัดธรรมธีราราม, วัดหนองตราดน้อย , วัดทักษิณาวาส และวัดอินทรวนาราม ส่วนใหญ่แกะสลักต้นเทียนเป็นตัวละครในวรรณคดีและพุทธประวัติ โดยจะไม่มีการแกะสลักต้นเทียนที่เป็นการล้อเลียนการเมืองหรือบุคคลต่างๆ โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมความงดงามจำนวนมาก

ขณะที่อีกหลายจังหวัดร่วมกันแห่เทียนพรรษาตามประเพณีท้องถิ่นอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน อย่างที่บ้านห้วยทรายคำ ต.นาแขม อ.เมือง จ.เลย ชาวบ้านร่วมทำพิธีทำบุญซำฮะ หรือชำระบ้าน นำโดยเจ้าอาวาสวัดป่าสามัคคีธรรม เพื่อปัดเป่าสิ่งอัปมงคลออกจากหมู่บ้าน และแห่เทียนพรรษาไปตามถนนในหมู่บ้าน สิ้นสุดที่วัดป่าสามัคคีธรรม มีนางรำ 200 คน ร่วมฟ้อนรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข

จ.พิจิตร ชาวอำเภอตะพานหินตั้งขบวนเรือแห่นำต้นเทียนพรรษาและกองผ้าป่าลงเรือหางยาวเกือบ 20 ลำ ตกแต่งด้วยธงชาติและธงตราสัญลักษณ์อย่างสวยงาม แห่จากท่าน้ำหน้าวัดพรหมประสิทธิ์ ล่องไปในแม่น้ำน่าน จนสิ้นสุดที่วัดธงไทยยารามระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร มีพุทธศาสนิกชนนำเงิน สิ่งของ และผ้าอาบน้ำฝนมาร่วมทำบุญด้วยตลอดเส้นทาง ก่อนอัญเชิญไปประกอบพิธีถวายเทียนพรรษาและทอดผ้าป่าให้คณะสงฆ์ทั้ง 5 วัด ที่อยู่สองฝั่งริมแม่น้ำน่าน

ส่วนที่ จ.บึงกาฬ พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวลาวจำนวนมาก ร่วมทำบุญตักบาตรและเวียนเทียนรอบอุโบสถ์ ที่วัดสุดเขตแดนสยาม ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ เพื่อร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงาม เช่นเดียวกับชาวบ้านอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีนับพันคน ที่ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 68 รูป เนื่องในเทศกาลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ลด ละ เลิกอบายมุข รวมทั้งดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ที่บริเวณถนนทะเลหลวง อ.เมือง จ.สงขลา ประชาชนนำอาหารหวานคาว ดอกไม้ธูปเทียนออกมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ตั้งแต่ย่ำรุ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว