เหยือศาลาถล่ม
หลังค้นหานานกว่า40ชม.
เตรียมรื้อเรือนไทยติดกัน
เร่งหารือเยียวยาเจ็บ-ตาย
พบแล้วร่าง “น้องเหมียว” เหยื่อศาลาริมน้ำถล่ม ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ กู้ภัยเล่านาทีพบศพ ขณะที่วัดเพชรสมุทรวรวิหารเตรียมรื้อทำลายศาลาเรือนไทยที่คู่กันในเร็วๆ นี้ ด้านรองผู้ว่าฯสมุทรสงคราม ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือเรื่องการเยียวยาผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีศาลาริมน้ำทรุดตัวพังถล่มลงไปในแม่น้ำแม่กลอง บริเวณท่าเรือข้ามฟากแสงวนิช ข้างวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและสูญหายหลายรายว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการงมค้นหาผู้สูญหายเป็นเวลากว่า 40 ชั่วโมง โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนองค์กรการกุศล 88 หน่วยงาน ระดมสรรพกำลังกว่า 270 นาย นักประดาน้ำ 87 นาย
ทั้งนี้ ได้แบ่งกำลังนักประดาชุดละ 2 นาย ใช้เวลาในดำประมาณ 15-20 นาที ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยวางแผนการดำเนินงานกันลงสำรวจอาคารศาลาที่พังในแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร ห่างจากฝั่งเกือบ 10 เมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยว ประกอบกับใต้น้ำมืด และศาลาซึ่งมีซากปรักหักพัง และมีน้ำหนักมากถึง 80 ตัน ทำให้ยากต่อการสำรวจ และยกโครงสร้างขึ้นเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องลดน้ำหนักโครงสร้างอาคาร โดยการรื้อถอนทำลายกระเบื้องมุงหลังคาและฝ้าเพดาน ไม่ระแนง พร้อมโครงสร้างทั้งหมด เพื่อแยกชิ้นส่วนให้มีน้ำหนักเบาที่สุด
โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงดำน้ำค้นหาจนถึงเวลา 22.00 น. ของวันที่ 17 กรกฎาคม ได้รับสัญญาณที่ดีคือได้กลิ่นในบริเวณโถงที่ 2 จุดเป้าหมาย แต่ยังไม่พบศพของ น.ส.พรพิไล เสือเล็ก หรือเหมียว อายุ 24 ปี ผู้สูญหายรายสุดท้าย ซึ่งคาดว่าถูกโครงสร้างอาคารทับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครนรื้อหลังคา ฝ้า และวัสดุภายในออก อย่างระมัดระวัง จนถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม ศพ น.ส.พรพิไล ก็ลอยหลุดจากหลังคาขึ้นมา เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าเพื่อชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นายสุเมธ ธีรนิติ ปลัดจังหวัดสมุทรสงคราม ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการค้าหาผู้สูญหาย กล่าวว่า ขั้นตอนการปฏิบัติที่นำไปสู่ความสำเร็จ เป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วน เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรค คือกระแสน้ำ แต่ก็ปฏิบัติตามแผนโดยเปิดหลังคา 80-90 เปอร์เซ็นต์ ดึงระแนงไม้ที่คาดว่าเป็นอุปสรรคด้วยรถเครนใช้อุปกรณ์ทุ่นแรง ทำให้ร่าง น.ส.พรพิไล อิ่มตัวลอยขึ้นมา จึงขอปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจากนี้ไปเทศบาลเมืองสมุทรสงครามต้องเข้ามาดูแลพื้นที่ต่อไป ส่วนโครงสร้างในน้ำสำนักงานเจ้าหน้าที่ภูมิภาคสาขาสมุทรสงครามจะแจ้งให้เจ้าของดำเนินการรื้อถอนต่อไป
นายสุเมธ กล่าวว่า สำหรับอาคารศาลาทรงไทยอีกหลัง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัดสมุทรสงครามได้ประกาศให้พื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือข้ามฟากแสงวณิช อาคารศาลาริมน้ำตลอดแนวจนถึงบริเวณวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ด้านซอยวัดเพชรสมุทร 2 เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และห้ามบุคคลหรือหน่วยงานผู้ประกอบการร้านค้าเข้าไปใช้ประโยชน์โดยเด็ดขาด จนกว่าหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัย หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
“นักประดาน้ำแจ้งว่าในขณะนี้พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งก่อนหน้าทางทีมงานนักประดาน้ำก็มีสัญญาณที่ดีจากคนที่ได้ขึ้นมา นักประดาน้ำหลายคนมีกลิ่นศพติดเสื้อมาด้วย เราจึงเร่งค้นหากันต่อไป โดยการพยายามใช้สลิงจากรถเครนดึงส่วนคานและของหนักต่างๆ เพื่อเปิดช่อง จนทางทีมงานได้พบศพน้องในที่สุด ซึ่งก็เป็นจุดทางด้านทิศเหนือ โดยเป็นจุดที่เราคาดการณ์ว่าน้องจะอยู่ที่นั่น ในขณะนี้ก็ได้นำศพน้องส่งตัวไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าแล้ว” นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วน มูลนิธิทุกมูลนิธิ หน่วยงานเอกชนต่างๆ ที่ส่งทีมงานมาช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ทั้งภาพพื้นดิน ทั้งที่อยู่ในน้ำ ส่วนทางโครงสร้างที่เหลือ โครงสร้างที่อยู่ภายในน้ำ ต่อไปจะเป็นส่วนรับผิดชอบของกรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเก็บกู้ขึ้นมาต่อไป ดังนั้น จึงขอปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชั่วคราว ศาลาริมน้ำแม่กลอง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ทางด้าน นายผดุงศักดิ์ อัตถาผล อายุ 35 ปี กู้ภัยอยุธยาผู้ที่พบศพ น.ส.พรพิไล เป็นคนแรก เปิดเผยว่า ในขณะนั้นตนกำลังดำน้ำลงไปในความลึกกว่า 10 เมตร เพื่อไปยังโถงที่ 3 ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่น้องอยู่ ซึ่งครั้งนี้เป็นการลงไปครั้งที่ 3 โดยใน 2 ครั้งก่อนหน้านี้เป็นลงไปเพื่อใช้ของแข็งเปิดช่อง แต่ก็พบเศษระแนงไม้ และเศษคาน ซึ่งเป็นอุปสรรคในการค้นหาเป็นอย่างมาก ซึ่งการลงไปแต่ล่ะตนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 25 นาที จึงจะดำลงไปได้ลึกถึงจุดนั้น
“เมื่อผมดำลงไปในรอบที่ 3 เพื่อจะลงไปงัดเศษระแนงไม้อีกครั้ง ผมก็รู้สึกได้ว่าศพน้องลอยมาข้างๆ ไหล่ซ้าย ผมจึงรู้เลยว่าเป็นน้อง แต่ในจังหวะนั้น ผมไม่สามารถพาน้องขึ้นมาได้โดยตรง ผมทำได้เพียงผลักตัวน้องให้หนีจากวิถีของเศษไม้ระแนง เพื่อให้ตัวน้องลอยขึ้นเหนือน้ำ” นายผดุงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เก็บอุปกรณ์เพื่อเปิดพื้นที่ให้เทศบาลเมืองสมุทรสงครามเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ ขณะที่วัดเพชรสมุทรวรวิหารเตรียมรื้อทำลายศาลาเรือนไทยที่คู่กันในเร็วๆ นี้ ด้านเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองสมุทรสงครามเดินทางมาสังเกตการณ์เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือแสงวณิช ได้รื้อหลังคาบางส่วนตามคำแนะนำของสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงคราม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนมากขึ้นด้วย
ขณะที่ นายประจินต์ ธารศิริสิน รองผู้ว่าราชการจัดหวัดสมุทรสงคราม นายสุเมธ ธีรนิติ ปลัดจังหวัดสมุทรสงคราม ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการค้าหาผู้สูญหาย พร้อมทั้งตัวแทนจากวัดเพชรสมุทรวรวิหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการประชุมหารือเรื่องการเยียวยาผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิต สำหรับยอดผู้ประสบเหตุทั้งหมดมี 20 คน เสียชีวิต 2 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี