วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้สั่ง“อุตสาหกรรมการบิน”เยียวยาเพิ่ม “พ่อนรต.ชยากร” ฝึกโดดร่มไม่กาง จาก 2.7 ล้าน เป็น 4.8 ล้าน ชี้บกพร่องต้องรับผิดเต็มจำนวน โดยพ่อเหยื่อยังรอผลคดีอาญาปีครึ่งคดียังไม่ขึ้นศาล
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์คดี พ.250/2559ที่นายสาธร พุทธชัยยงค์ อายุ 57ปี บิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ชยากร พุทธชัยยงค์ หรือโยโย่ อายุ19ปี ที่ฝึกกระโดดร่มแล้วไม่กาง จนเสียชีวิต ที่ จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2557 เป็นโจทก์ที่ 1และบิดา-มารดาของ นรต.ณัฐวุฒิ ติรสุวรรณสุข หรือ ฟิวส์ อายุ21ปี ที่เสียชีวิตอีกคน เป็นโจทก์ที่ 2-3 ร่วมกันยื่นฟ้อง บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน),บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด,พล.อ.อ.วีรนันท์ หาญสวธา กก.ผจก.บจก.อุตสาหกรรมการบิน,ร.ต.กณพ อยู่สุข ผู้จัดการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ลพบุรี,พันจ่าอากาศเอก(พ.อ.อ.)สมชาย อำภา ช่างซ่อมอากาศยานผู้ทำการติดตั้งสายสลิง,จ.อ.กีรติ สุริโย ช่างซ่อมอากาศยาน ผู้ทำการติดตั้งสายสลิง , จ.อ.รัชเดช เถาว์เพ็ง ช่างเทคนิคผู้ทำการติดตั้งสายสลิง,ร.ท.สมเจต สวัสดิรักษา ผู้จัดการแผนกตรวจรอยร้าวโดยไม่ทำลาย ผู้จัดหาและประสานงานจัดหาสายสลิงดัดแปลง,นายวัชรพงษ์ วงศ์สุบรรณ นายตรวจอากาศยานศูนย์ซ่อม ผู้ประสานงานและสั่งให้มีการจัดหาสายสลิงนำมาดัดแปลง,นายสุพร ธนบดี ผู้จัดการกองซ่อมบำรุงอากาศยานตำรวจ บมจ.การบินไทยและพนักงาน บมจ.การบินไทย
เป็นจำเลยที่ 1-11 เรื่องละเมิดโดยจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเนื่องจากสายสลิงที่ใช้ในการกระตุกร่มหลักขาดหลุดออกจากปลอกรัดทำให้สายสลิงกระตุกร่มหลักไม่กางเป็นเหตุให้นรต.ชยากร และ นรต.ณัฐวุฒิที่ฝึกกระโดนร่มถึงแก่ความตายจึงขอให้จำเลยทั้งสิบร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหาย 49,550,400ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าจัดการศพและค่าขาดไร้อุปการะ ในส่วน นรต.ชยากรและในส่วนนรต.ณัฐวุฒิ เรียกค่าเสียหาย รวม10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปีโดยคดียื่นฟ้องเมื่อวันที่20ม.ค.59
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.60เห็นว่า”บจก.อุตสาหกรรมการบิน”จำเลย 2และ นายวัชรพงษ์ วงศ์สุบรรณ นายตรวจอากาศยานศูนย์ซ่อม จำเลยที่ 9 ซึ่งตามสัญญาในการซ่อมบำรุงจะต้องทำหน้าที่ประสานหาแหล่งที่ซื้อสายสลิงด้วย โดยนายวัชรพงษ์ นายตรวจอากาศยานศูนย์ซ่อม จำเลยที่ 9 ที่มีหน้าที่ประสานงานและจัดหาสายสลิงได้เลือกซื้อสายสลิงของสไปก้าซึ่งภายหลังพบว่าไม่ได้มาตรฐานและไม่มีคุณภาพ โดยจำเลยที่ 9ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 ได้ดำเนินการที่ทำให้เกิดการละเมิดแล้ว ดังนั้นจำเลยที่ 2 ,9 ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายสาธรโจทก์ที่1บิดาของนรต.ชยากร
ส่วนฟ้องโจทก์ที่ 2-3 และจำเลยอื่นยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าเมื่อพบความบกพร่องได้มีการแจ้งจำเลยเป็นลำดับชั้นแล้ว กระทั่งมีการแจ้งสายสลิง มีโอกาสชำรุดจากการใช้งานและเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคในการฝึกกระโดดร่มหรือการปฏิบัติการทางอากาศ จึงได้แจ้งซ่อมบำรุง โดยมีการจัดหาสายสลิงใหม่มาติดตั้ง ซึ่งการติดตั้งจำเลยที่ 1,5-7,10 ได้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวังตามสมควรแล้วดังนั้น จึงไม่ต้องรับผิด ต่อมาโจทก์ที่ 1-3 และจำเลยที่ 2,9 ได้ยื่นอุทธรณ์
โดยวันนี้นายสาธร พุทธชัยยงค์ บิดาของนรต.ชยากร โจทก์ที่ 1เดินทางมาที่ศาลมีผู้รับมอบอำนาจจากทนายมาด้วย ส่วนครอบครัวของนรต.โจทก์ที่2-3และพี่สาว เดินทางฟังคำพิพากษาพร้อมทนายด้วย
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าค่าปลงศพที่ศาลชั้นต้น พิพากษาไว้ 270,000 บาทน้อยเกินไป จึงให้เพิ่ม 320,000 บาท เนื่องจากในการจัดการงานศพ เป็นพระราชทานเพลิงศพและยังมีค่าใช้จ่ายต่างๆซึ่งจำเลยที่ 2,9ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ที่1จะต้องชดใช้ค่าสินไหมเต็มจำนวน ส่วนค่าขาดไร้อุปการะที่จะต้องชดใช้ให้โจทก์ที่ 1 นั้น เมื่อได้พิจารณาจากการวุฒิศึกษาของผู้เสียชีวิตและรายได้ที่จะมีในอนาคตแล้วเห็นว่าที่กำหนดไว้ 2.5ล้านบาทนั้น ยังน้อยเกินไป โดยเห็นสมควรเพิ่มให้เป็นเดือนละ 25,000บาท เป็นเวลา 15 ปีรวมเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท
ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ บจก.อุตสาหกรรมการบิน จำเลยที่2และนายวัชรพงษ์ วงศ์สุบรรณ”นายตรวจอากาศยานศูนย์ซ่อม จำเลยที่ 9 ร่วมกันชดใช้ค่าจัดการศพรวมทั้งค่าขาดอุปการะให้กับ นายสาธร บิดาของนรต.ชยากร โจทก์ที่ 1 เป็นเงินทั้งสิ้น 4.82 ล้านบาท พร้อม ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้อง 21 ม.ค.59 จนกว่าจะชำระเสร็จรวมทั้งชำระค่าทนายความแทนโจทก์ที่1เป็นเงิน 10,000 บาท
ส่วนฟ้องของโจทก์ที่2-3ซึ่ง เป็นบิดา-มารดาของนรต. ณัฐวุฒิ ติรสุวรรณสุข ในส่วน บมจ.การบินไทยและพนักงานการบินไทยนั้น พิพากษายืนให้ยกฟ้องเช่นเดียวกับยกฟ้องจำเลยที่1,3 -8,10-11ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายสาธรบิดาของ นรต.ชยากร ให้สัมภาษณ์ว่าผลพิพากษาในศาลชั้นต้น ให้จำเลยชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะ2.5ล้านบาท บวกกับค่าปลงศพ270,000 บาท แต่ที่ยื่นอุทธรณ์เพราะในคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีข้อความว่า นรต.ชยากร บุตรชายของตน มีส่วนให้เกิดเหตุร้าย ไม่ดึงร่มช่วย ซึ่งตนอยู่ในที่เกิดเหตุ ตนเห็นแล้วว่า บุตรชายตนได้ดึงร่มช่วย ร่มกางแผ่อยู่กับพื้น จึงอุทธรณ์ประเด็นนี้ว่าบุตรชายไม่มีส่วนร่วมให้เกิดเหตุร้าย ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วว่าบุตรชายตนดึงร่มช่วย จากข้อมูลที่เราอุทธรณ์ไป ศาลอุทธรณ์จึงเพิ่ม ค่าขาดไร้อุปการะเป็น4.5 ล้านบาทและค่าปลงศพเป็น320,000บาท รวมเป็น 4,820,000 บาท
เมื่อถามว่ามีประเด็นติดใจฎีกาต่อหรือไม่ นายสาธร กล่าวว่า คดีแพ่งไม่ใช่คดีหลักของตน คดีหลักของตนคือคดีอาญา ให้น้ำหนักกับคดีอาญามากกว่า คดีแพ่งอยู่ที่จำเลยฎีกาหรือไม่ ถ้าจำเลยฎีกาก็ต้องแก้ฎีกาต่อไป แต่ในส่วนตัวแล้ว ไม่มีความประสงค์ คดีแพ่งเป็นหลักเพราะคดีอาญาเท่านั้นที่จะทำให้คนเลิกทุจริตได้ คดีแพ่ง ไม่ทำให้คนเลิกทุจริตได้
ส่วนความคืบหน้าคดีอาญานั้น ได้ผ่านจากตำรวจภูธรภาค7 มานานแล้ว ตั้งแต่เดือนม.ค.61 ตอนนี้ก.ค.62แล้ว ตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด คดีอาญาสำนวนอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด มาปีครึ่งแล้ว แต่คดียังไม่ถูกนำขึ้นสู่ศาล
ด้าน นายจตุรงค์ ติรสุวรรณสุข บิดาของนรต.ณัฐวุฒิหรือฟิวส์โจทก์ที่2เผยว่าได้เดินทางมาฟังการอุทธรณ์นั้นเป็นส่วนที่ฟ้องบริษัทการบินไทย จำเลยที่1และพนักงานการบินไทย จำเลยที่ 10 ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง โดยทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนให้ยกฟ้อง แต่ตนยังติดใจว่า บริษัทการบินไทยฯซึ่งเป็นคู่สัญญารับรู้รับทราบในการซ่อมอุปกรณ์กระโดดร่ม หากได้ท้วงติง แต่แรกอาจไม่เกิดความสูญเสีย
โดยก่อนหน้านี้ คดีในศาลปกครอง ศาลได้ชี้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติละเมิดอย่างร้ายแรงแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย และคดีแพ่งนี้จำเลยที่2และ9ก็รับผิดได้ชดใช้เงินเยียวยาให้ครอบครัวตน 5 ล้านบาท แต่คดีในส่วนของการบินไทยกลับไม่พบความผิด ซึ่งถือเป็นบริษัทใหญ่ ที่มีหลักธรรมาภิบาล แต่ที่ผ่านมา ไม่ได้แสดงความช่วยเหลือต่อครอบครัว ในการเป็นคดีกับบริษัทใหญ่
“เราก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไรแต่เราต้องการความยุติธรรมก็ต้องเรียกร้องด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกชาย การฟ้องคดีมาขึ้นศาลบ่อยๆก็ท้อ อย่างคดีอาญาที่เราเคยสอบถามความคืบหน้าของผล ก็โยนกันไปมาระหว่างตำรวจกับอัยการ”บิดาของนรต.ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี