อดีตนายตร. กังขาอัยการสั่งไม่ฟ้องเจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่ สวมบัตรคนตาย อ้างขาดอายุความ ทั้งที่เป็นอาญาแผ่นดิน ทำศาสนาพุทธมัวหมอง เผยหลักฐาน ผู้สวมสิทธิ์รู้เห็นการปลอมแปลง พร้อมเดินหน้าขอความเป็นธรรมต่อไป
กรณีที่ พ.ต.อ.บุญเลิศ เมตตารักษ์ อดีตผู้กำกับ สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก(พระอารามหลวง) จ.เชียงใหม่ ทำการสวมบัตรประชาชนของ สามเฌร ดวงดี เวียงดินดำ วัดพระพิเรนทร์ที่ได้เสียชีวิตไปเพื่อให้ได้รับสัญชาติไทย หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนพม่า จนเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ2ปีที่ผ่านมา ต่อมานายวิเศษ ผงนอก ปลัดอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อพระราชรัชมุนี และพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้ตั้งข้อหาต่อพระราชรัชมุนี 7 ข้อหา เรื่องการขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย , แสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการจังหวัดฝางตั้งแต่ปี 2560 แล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.บุญเลิศ เมตตารักษ์ เปิดเผยว่า ตนได้ติดตามคดีนี้มาโดยตลอดจนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 อัยการกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพระราชรัชมุนี(นิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี หรือยอดคำ ) ทั้ง 7 ข้อหา โดยให้เหตุว่า 1.คดีขาดอายุความ (5 ปี) 2.พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง เพราะพระราชรัชมุนี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เป็นเพียงผู้ไปยื่นขอมีบัตร เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือความผิดพลาดทางข้อมูลกรณีชื่อนามสกุลซ้ำกัน ทำให้ตนหดหู่ สังเวช และไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของอัยการที่ว่าคดีหมดอายุความ 5 ปี เพราะว่าพระราชรัชมุนีได้สวมบัตรประชาชนคนตาย และใช้บัตรอันเป็นเท็จแสดงต่อทางราชการและประชาชนทั่วไปจนถึงปัจจุบันนี้ ยังเป็นการกระผิดอยู่ อายุความฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ ทั้งยังเป็นคดีความมั่นคงของชาติเป็นอาญาแผ่นดินซึ่งไม่มีหมดอายุความ
อีกเรื่องที่ว่าพระราชรัชมุนี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในการสวมบัตรนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะว่าหลังจากที่พระราชรัชมุนีสวมเลขที่บัตรประชาชน 13 หลักของ ด.ช.ดวงดี เวียงดินดำ แล้วนั้นพระราชรัชมุนี ได้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ครั้งที่ 1 เปลี่ยนชื่อจาก “ดวงดี” เป็น “นิมิต” ครั้งที่ 2 ย้ายที่อยู่จาก “วัดพระพิเรนท์ กรุงเทพฯ ” ซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของสามเณรดวงดี และมรณภาพ ก่อนเปลี่ยนแปลงชื่อ และย้ายตัวเองไปอยู่ “วัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่” ครั้งที่ 3 เปลี่ยนนามสกุลจาก “เวียงดินดำ” เป็น “ทิพย์ปัญญาเมธี” ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการชุบตัว ตั้งใจสวมบัตรประชาชนคนตายใช่หรือไม่ ขัดแย้งกับความเห็นอัยการที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็น ทำให้พระราชรัชมุนีพ้นผิด ลอยนวลไม่ต้องรับโทษใดๆเลย ทั้งๆที่ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว จนไม่สามารถใช้บัตรประชาชนดังกล่าวได้แล้ว อีกทั้ง แม้จะอ้างไม่รู้เห็น แต่ข้อเท็จจริง หากรับทราบว่าข้อมูลบัตรประชาชนไม่ใช่ของตัวเอง จะต้องคัดค้านใช่หรือไม่ และยังผิดศีลข้อ 2 อทินนาทานา ลักทรัพย์ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ อยากจะถามว่าพระไม่มีศีลยังจะมีความเป็นอยู่อีกหรือไม่
“กระผมในฐานะผู้ร้องเรียนตั้งข้อสังเกตว่า พระภิกษุรูปนี้ได้ปกปิดหลอกลวงความเป็นมาของชาติพันธ์ จนได้สมณะศักดิ์ในทางศาสนาและตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ใช่หรือไม่ กระผมซึ่งอดีตเคยเป็นผู้กำกับสภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เคยทำคดีสวมบัตรประชาชนมาก่อน เพราะอำเภอเวียงแหงเป็นเขตติดต่อชายแดนประเทศพม่า แต่ไม่เคยพบว่า ผู้กระทำผิดเป็นพระสงฆ์ และยังนำบัตรประชาชนอันเป็นเท็จไปแอบอ้างหาผลประโยชน์จนได้ตำแหน่งใหญ่โตซึ่งเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมายอย่างมาก จึงขอฝากสื่อมวลชนและพุทธศาสนิกชนได้ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องติดตามคดีนี้อย่างละเอียดต่อไปเพราะกระทบความมั่นคงของชาติ และพระพุทธศาสนาใช่หรือไม่ ”
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะดำเนินการอย่างไร พ.ต.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า คงต้องไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะคณะกรรมการอัยการ(กอ.) และอัยการสูงสุด และยืนยันว่า พวกเราจะยืนหยัดปกป้องศาสนาพุทธและความมั่นคงของชาติต่อไป
ด้านนายวีรวิทย์ เจริญชาศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 5 รักษาการตำแหน่งอัยการจังหวัดฝาง ได้มีหนังสือคำสั่งไม่ฟ้อง พระราชรัชมุณี (นิมิตร ทิพย์ปัญญาเมธี หรือ ยอดคำ) ลงวันที่ 14 ก.พ. 62 โดยมีใจความว่า คดีดังกล่าวขาดอายุความ และไม่พบผู้ต้องหารู้เห็นถึงการกระทำ และข้อมูลในฐานทะเบียนราษฎรอาจเกิดความผิดพลาด พร้อมยืนยันว่า ผู้ต้องหามีสัญชาติไทยโดยกำเนิด จึงไม่อาจมีความผิดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งฟ้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี