ชาวอยุธยาร้องผู้ตรวจฯตรวจสอบ-ย้าย“อธิบดีกรมศิลป์-ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ฯ” ปมส่อพิรุธปรับปรุง “เพนียดคล้องช้าง”เอาเสาเก่าย้อมแมว “ตัดหัวเสา”รูปแบบขัดประวัติศาสตร์ ทั้งที่ใช้งบสูง 35.8 ล้านบาท
22 กรกฎาคม 2562 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจฯ ผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน โดยขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 230 วรรคสอง เพื่อพิจารณาสั่งปลดหรือย้ายนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร , น.ส.สุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่องจากกรมศิลปากรดำเนินโครงการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ตำบลสวนพริก อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้จัดสรรงบประมาณกว่า 35.8 ล้านบาทนั้น ได้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวอยุธยา เนื่องจากการบูรณะเพนียดคล้องช้างไม่เป็นไปตามรูปแบบทางประวัติศาสตร์ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนตามกฎหมาย และใช้งบประมาณในการดำเนินการส่อไปในทางทุจริต
ทั้งนี้ ในส่วนการบูรณะเสาเพนียดด้านนอกพลับพลาที่ประทับของพระมหากษัตริย์ทอดพระเนตรการคล้องช้างได้ “ตัดหัวเสาตะลุง” ด้านปีกกาทิ้งทั้งหมด ซึ่งผิดไปจากรูปแบบเดิมที่บูรณะ กรมศิลปากรซ่อมแซมเสาตะลุงที่หลงเหลืออยู่เดิมมีหัวมัณฑ์ หรือหัวบัว มาอย่างต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไปเชื่อเพียงแค่รูปถ่ายเพนียดคล้องช้างชั่วคราวของฝรั่งเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้วเท่านั้น โดยไม่ดูบริบททางประวัติศาสตร์และความเชื่อที่แท้จริง ถือเป็นการบิดเบือนและทำลายรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชาวอยุธยาไม่อาจที่จะยอมรับได้
“เมื่อเทียบกับเนื้องานที่ทหารบูรณะ เมื่อปี 2550 มีโครงการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ที่ตำบลสวนพริก มีการจัดทำเสาตะลุง พร้อมการเหลาหัวเสาเป็นหัวมัณฑ์ หรือหัวดอกบัว และเปลี่ยนเสาตะลุงใหม่ทั้งหมด รวม 980 ต้น ใช้งบประมาณเพียง 16 ล้านบาท แต่ในการปรับปรุงบูรณะเสาตะลุงครั้งล่าสุดเหลือเพียง 846 ต้นเท่านั้น แต่กลับใช้งบประมาณสูงถึง 35.8 ล้านบาท ที่สำคัญยังพบว่ามีการนำไม้เสาตะลุงเดิมมาปะผุแซมกับไม้ใหม่อย่างผิดสังเกต” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เสาตะลุงแต่ละต้นจะต้องมีการวางหมุดเหล็กชนิดหนา ความยาวประมาณ 1 ฟุตมาตอกยึดฐานทั้ง 4 ด้านของเสากับพื้นปูนที่เป็นฐาน เพื่อไม่ให้เสาเอียง แต่ปรากฏว่าในการบูรณะครั้งนี้มีการใช้หมุดเหล็กชนิดบางและสั้น 30 เซนติเมตร ทำให้เสาตะลุงแต่ละต้นขาดความมั่นคง เสี่ยงและเป็นอันตรายมากหากพื้นดินอ่อนตัว
“เรื่องนี้แม้ชาวอยุธยาจะได้แสดงออกโดยการร่วมลงชื่อกันนับหมื่นรายชื่อ เพื่อเสนอให้ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอธิบดีกรมศิลปากร ทบทวนการบูรณะให้เป็นไปตามอัตลักษณ์ที่แท้จริงแล้วก็ตาม แต่ไม่มีการทบทวนหรือใส่ใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้โครงการบูรณะนี้ ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2546 ประกอบมาตรา 31 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2545 ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยชัดแจ้งเป็นการใช้อำนาจไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” นายศรีสุวรรณ กล่าว
ด้านนายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย เลขานุการมูลนิธิพระคชบาล กล่าวว่า อธิบดีกรมศิลปากรยืนยันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการบูรณะเสาตะลุง ต่อเมื่อใครมีหลักฐาน หรือรูปภาพที่เก่ากว่าที่กรมศิลปากรมี ซึ่งหลังจากที่ประชาชนได้ร้องเรียนทักท้วงไปกว่า 2 เดือนแล้ว หลังชาวบ้านดูเสาตะลุงที่ซ่อมแซมพบว่านำเสาเก่ามากลึงใหม่ และบางส่วนนำไม้มาปิดแบบปะผุ และทาสีใหม่ อ้างว่ามีน้ำยาจากต่างประเทศมาทาเสาจะทำให้มีอายุใช้งานได้นานถึง 100 ปี ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากอธิบดีฯไม่ได้สั่งให้มีการแก้ไขแล้ว ยังได้ทราบมาว่าจ่ายค่างวดงานให้กับผู้รับรับเหมาไปแล้ว 8 งวด วงเงินกว่า 24 ล้านบาท
ส่วนนายกำธร ขันธนิกร อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นหลานของ “ปู่จู” ที่ทำงานอยู่ในกรมช้าง สมัยรัชกาลที่ 5 กล่าวว่า ตนเป็นชาวบ้านที่เกิดที่นั่น เห็นว่าเสามีหัวบัวมาโดยตลอด แต่จากการคุยกันกับทางราชการได้ส่งรูปเมื่อปี 2434 เป็นภาพจากชาวต่างชาติที่อ้างว่าถ่ายเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อมาเปรียบเทียบดูพบว่าภาพถ่ายไม่น่าจะถ่ายจากในพื้นที่เพนียดสวนพริก
ทั้งนี้ การบูรณะที่ผ่านมาหลายครั้งกรมศิลปากรทุกชุดก็ยึดตามแบบแผนเดิม ยกเว้นชุดปัจจุบันที่ทำแบบคิดเองทำเอง กำลังเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนอยุธยา จึงมาร้องให้ตรวจสอบเพราะอยากให้การบูรณะในครั้งนี้เป็นบทเรียนของกรมศิลปากรในการทำงานที่ปกปิด ตรวจสอบยาก และไม่มีการทำประชาพิจารณ์กับคนในพื้นที่
“ที่ชาวบ้านลุกขึ้นเรียกร้องไม่ได้ต้องการที่จะเอาแพ้เอาชนะ แต่เอาความถูกต้อง อยากให้กรมศิลป์บูรณะแบบเปิดเผย และทำอย่างถูกต้อง เพราะเพนียดถือว่าเป็นมรดกโลก อยากให้ย้ายอธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ออกไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งกับคนในพื้นที่” นายกำธร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี