"เจ๊ชาติ" เจ้าของบ่อลูกรัง ชื่อดังเมืองกาญจน์ อ่วม หลัง ผบช.ก.นำทีมตรวจสอบตามที่ถูกร้องเรียน ล่าสุดสั่งการ ผกก.ปทส.สนธิกำลังทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบอีกรอบ พบขุดลูกรังนอกพื้นที่อนุญาต
จากกรณีเมื่อวันนี้ 29 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส.ร่วมกับ พล.ต.ต.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สรรเสริญ แสงเนตรสว่าง ผกก.สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
รวมทั้งนายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ กรมป่าไม้ จ.กาญจนบุรี นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอพนมทวน พร้อมกำลัง เดินทางไปตรวจสอบบ่อลูกรังบนเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ชื่อบ่อลูกรังเจ๊ ชาติ ตั้งอยู่ท้องที่หมู่ 10 ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เนื่องจากก่อนหน้านี้ บก.ปทส.จากส่วนกลาง ได้รับการร้องเรียน ว่าผู้ประกอบการบ่อลูกรังดังกล่าวอาจจะกระทำผิดกฎหมาย สำหรับบ่อลูกรังมี เจ๊ชาติ (นามสมมุติ) เป็นเจ้าของ โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในวันดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ
ล่าสุดวันนี้ 23 ก.ค.62 พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส.พ.ต.ท.วิศรุตม์ จันทร์สุวรรณ รอง ผกก.กก.5 บก.ปทส.พ.ต.ท.พีระพงษ์ การสมลาภ รอง ผกก.กก.5 บก.ปทส.พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ รอง ผกก.(สอบสวน)ช่วยราชการ บก.ปทส. พ.ต.ท.ภคพล สิริวุฒิกะประภา สว.(สอบสวน)กก.5บก.ปทส.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปทส.
ร่วมกับ พ.ต.ท.ชยุตม์ พิพัฒน์ทวีกุล รอง ผกก.ป.สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นายยุทธพล จรูญเรือง ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอพนมทวน นายสราวุธ พรทิพย์ หัวหน้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี นายชาญวิทย์ มั่งบางยาง ผอ.ส่วนจัดการฐานข้อมูลธนารักษ์กาญจนบุรี นายอภินันท์ อำนวยการ นายช่างรังวัดชำนาญงาน สนง.ที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี สาขาพนมทวน และนางกัญญวีลื ปลอดภัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ผู้นำท้องที่ร่วมตรวจสอบ โดยมีนายแชมป์ (นามสมมุติ) ลูกชายผู้ประกอบการบ่อลูกรัง นำพาชี้วัดพื้นที่
สำหรับการตรวจสอบพื้นที่ ในวันนี้ เพื่อต้องการทราบว่าพื้นที่ที่ขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน จำนวน 2 แปลง แปลงเนื้อที่ 50 ไร่ และแปลงเนื้อที่ 133 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา เพื่อให้ทราบว่าพื้นที่ที่ขออนุญาตตั้งอยู่ในพื้นที่ เกิดเหตุหรือไม่อย่างไร และมีพื้นที่จำนวน เท่าใด และถูกต้องตามที่ขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดิน จังหวัดกาญจนบุรีสาขาพนมทวน ได้รางวัลที่ดิน ทั้งสองแปลง โดยใช้กล้องประมวลผล สำหรับรางวัดที่ดิน จากนั้นใช้หลักไม้ปักหลักตามเขตแนว ด้านติดเขาหนองระหงทั้งสองแปลงและให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพประกอบการรังวัดโดยพบว่าส 3 ทั้งสองฉบับมีพื้นที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งจะทำรูปแผนที่และคำนวณเนื้อที่ ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนในภายหลัง
ส่วนเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่การขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง. 4) ทั้งสองแปลง พบว่า มีการขุดบ่อดินลูกรัง อันเป็นความผิดตาม พรบ.โรงงาน นอกพื้นที่ที่ขออนุญาต ส่วนจะเป็นจำนวนเนื้อที่เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีได้ประสานกับเจ้าหน้าที่รางวัดที่ดิน ให้ทันรูปแผนที่และคำนวณเนื้อที่ที่เกินจากที่ได้รับอนุญาต เพื่อนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน ในภายหลัง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาญจนบุรี ยืนยันว่าพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2481 ซึ่งหากผู้ประกอบการกระทำผิดกฎหมายของหน่วยงานรัฐใด หน่วยงานรัฐนั้นๆก็จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการทันที
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี 1 ในหน่วยงานรัฐที่เสียหาย ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้ประกอบการในข้อหา ความผิดฐาน ตั้งและประกอบกิจการโรงงานฯจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 12 วรรค 1 วรรค 2 และมาตรา 50
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี