ที่เมืองอัตตะปือ เป็นเมืองเล็กๆ สงบเงียบแต่ก็ดูน่าอยู่ หากรักธรรมชาติ หลังจากเรากินข้าวเหนียวส้มตำลาวแล้วก็ต้องไปพบกับท่านเจ้าแขวงที่ศาลากลาง (ภาษาลาวเรียก ห้องการ) เพื่อพบปะสนทนา แต่ทว่า ครานี้ท่านเจ้าแขวงยุ่งมาก ต้องเป็นประธานการประชุมตลอด ก็เรื่องฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชนผู้ต้องทิ้งเรือกสวนไร่นาจากเขื่อนแตกน้ำท่วมนี้แหละ นี่ก็ผ่านไปได้ 7-8 เดือนแล้ว แขวงนี้ก็ยังยุ่งอยู่กับกิจกรรมนี้ไม่เลิก ได้ข่าวว่าเมื่อเช้าท่านรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานการประชุมเองจากเวียงจันทน์ ตอนนี้กลับไปแล้ว ท่านเจ้าแขวงจึงต้องประชุมต่อ ตกลงจึงได้พบกับตัวแทนท่านเจ้าแขวง โดยคณะเราก็ได้เล่าที่มาวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งความจริงก็เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น เพราะจริงแล้ว เห็นว่ามีหน่วยงานช่วยเหลือจากหลายแห่งหลายที่เข้ามาช่วยเหลือไม่ขาดสาย ผมว่าเจ้าแขวงคงจะต้อนรับเสียจนไม่มีเวลา หลังๆ เลยให้ตัวแทนมาจัดการแทน
คนที่เป็นแม่งานจริงๆ เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ก็คือ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ซึ่งระดับแขวงก็มีสำนักงานประจำอยู่ ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน เป็นผู้หญิง ตำแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี ดังที่เคยอธิบายระบบของลาวไปแล้วในฉบับก่อนๆ ดังนั้นท่านรองเจ้ากรมที่นั่งรถไปกับผมจึงดูไม่ค่อยใหญ่โตนัก พวกเจ้าหน้าที่อยู่แขวงก็ดูไม่ค่อยให้ความสำคัญ หรืออาจเป็นเพราะเขาดูง่ายๆ ไม่ค่อยศักดินาเท่าไหร่ อันนี้ต่างจากเมียนมามาก เพราะรองอธิบดีที่นำผมไปตามภาค/รัฐต่างๆ ดูใหญ่มาก คล้ายๆ กับของไทยเรา ตอนเย็นทางสำนักงานแรงงานฯ โดยหัวหน้าผู้หญิงก็เป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวเย็นคณะเรา ตกลงทริปนี้ กระทรวงกสิกรรมฯ ไม่ใช่เป็นพระเอก กลายเป็นผู้เข้าร่วม เพราะแม้แต่สำนักงานกสิกรรมจังหวัดก็ไม่ได้ไปเยี่ยมพบแต่ประการใด อีกทั้งถามตัวแทนที่เดินทางมาจากกระทรวง ก็ไม่ทราบว่าตั้งอยู่ที่ไหน การรับประทานอาหารเย็นในเมืองอัตตะปือมื้อนี้ ผมรู้สึกถูกปากมาก อาหารลาวน่าจะจัดว่าเป็นอาหารสุขภาพได้ระดับหนึ่ง เพราะหลักๆ ก็จะเป็นต้มไก่บ้าน (ที่ไม่ใช่ต้มยำ) ผักดิบผักต้มถาดใหญ่ จิ้มกับน้ำพริกแสนอร่อยที่เขาเรียกว่า ป่นปลา ผัดเห็ดและอีกสองสามอย่าง ที่ค่อนข้างจะมีไขมันน้อยมาก ผมว่าถ้ากินแบบนี้สุขภาพคงดีแน่ๆ เลย เรากินกันไม่ดึก เพราะหัวหน้าเป็นสุภาพสตรี ไม่ได้สั่งแอลกอฮอล์มาดื่มด้วย (แต่ก่อนที่หัวหน้าจะมา พวกเราไปถึงก่อน รองเจ้ากรมได้จัดการสั่งมาดื่มไปพลางแล้ว) กลับไปพักที่โรงแรมเล็กๆ ราคา 500 บาท ริมแม่น้ำชื่อ เซกอง เพื่อรอวันรุ่งขึ้นที่จะเดินทางไปแจกจ่ายข้าวที่ศูนย์อพยพ เมืองไชยะบุรี
แม้เวลาที่กำหนดพิธีการจะเป็นประมาณสิบโมงเช้า แต่คณะเราต้องออกเดินทางแต่เช้า หลังจากไปกินก๋วยเตี๋ยวคนญวนขายแล้ว ก็เดินทางไปทันที เหตุที่ต้องออกแต่เช้าทั้งที่มาทราบภายหลังว่าระยะทางเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร ก็เพราะทางที่รถวิ่งไปนั้นไม่ได้ลาดยางครับ ผมนึกถึงสมัยผมเรียนมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัด ปิดเทอมที่นั่งรถโดยสารสภาพถนนแบบเดียวกัน กว่าจะถึงบ้านหัวแดงเพราะฝุ่นทั้งไปและกลับ อันนี้ก็แบบเดียวกัน อาศัยว่าเป็นรถตู้ติดแอร์ปิดทึบ ฝุ่นเกือบเข้าไม่ได้ เลยหัวไม่แดงเหมือนตอนเด็กๆ
การส่งมอบข้าวก็เป็นพิธีคล้ายๆ กับที่เคยทำมา เจ้าหน้าที่จากสถานทูตเกาหลีใต้ก็บินจากเวียงจันทน์ มาร่วมด้วย เพราะข้าวบริจาคโดยเขา และประสานโดยแอปเตอร์ ศูนย์พักพิงชาวลาวนี่ค่อนข้างโชคดี เพราะทางบริษัทสร้างเขื่อนเกาหลีใต้มาสร้างสงเคราะห์ให้ ทำเป็นบ้านน็อกดาวน์มีสัดส่วนน่าอยู่ทีเดียว เห็นว่าผู้คนอพยพส่วนมากกลับไปอยู่บ้านเดิมไม่ได้ เพราะถูกโคลนตมทับถมเสียหายทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว ทางการลาวกำลังเคลียร์พื้นที่อื่นที่เหมาะสมเพื่อสร้างชุมชนใหม่พร้อมที่ทำกินให้ ดูพวกเขาก็มีความสุขดีครับ เพราะเห็นว่ารัฐบาลลาวจ่ายเบี้ยยังชีพให้คนละ 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ข้าวก็ได้ฟรี ผักหญ้าเห็นบางบ้านก็ปลูกกินกัน คนที่นั่นถามว่าวันๆ ทำอะไรกันบ้าง เขาตอบว่าบางคนก็ออกไปรับจ้างรายวัน ได้เงินมาพออยู่ได้ เสียดายที่บริเวณเขื่อนแตกและที่ประสบภัยน้ำท่วมจริงๆ เขาไม่พาไปดู เหมือนตอนที่พวกเราไปเมืองมาราวี ฟิลิปปินส์ เขาก็ไม่ให้ไปเข้าใกล้ เรื่องแบบนี้องค์กรนอกๆ เข้าไปคงยาก ที่รัฐยะไข่ เมียนมายิ่งห้ามเลย ใครฝ่าฝืนอาจติดคุกได้ด้วย ซึ่งพวกเราก็เข้าใจครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี