ตำรวจ ภ.4 นำกำลังเข้าติดตามจับกุม 2 ใน 4 คนร้ายร่วมกันก่อเหตุปล้นร้านทองบิ๊กชีขอนแก่น เป็นคนขับรถยนต์กระบะและนำทองไปขาย ส่วนผู้ลงมือก่อเหตุอีก 2 คน หลบหนีลงเรือที่ จ.หนองคาย พร้อมกันนี้พบจุดที่คนร้ายนำทองคำใส่ไห ขุดดินไปซ่อนไว้ภายในสวนยางที่จ.ชัยภูมิ
ความคืบหน้ากรณีมี 2 คนร้ายบุกปล้นร้านทองแม่ทองพูลบนชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เขตเทศบาลนครขอนแก่น สามารถกวาดทองคำรูปพรรณไปได้ 431 บาท มูลค่ากว่า 7 ล้านบาทแล้วหลบหนีไปได้ เหตุเกิดช่วงเวลา 19.25 น.ของวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมา แต่สุุดท้ายก็หนีไปไม่รอดจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะขับหลบหนีอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองจ.อุดรธานี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: พบแล้ว!ทองที่ถูกปล้น ซุกไหฝังดินกลางสวนยางชัยภูมิ (ชมคลิป)
ล่าสุดมีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 4 คน ผู้ประก่อเหตุ คือ 1. นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ อายุ 37 ที่อยู่ 55 ม.8 บ้านอ่างทอง ต.บ้านดอน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ 2.นายเรืองศักดิ์ พันธ์ทอง 3.นายสุพจน์ เพชรรังสี และ 4.นายไพวัน ญาบัณทิต ซึ่งได้ทรัพย์สินที่เป็นทองรูปพรรณเสียหายน้ำหนัก 437 บาท จากนั้นหลบหนีไปนอนที่ บ้านอ่างทอง ต.บ้านดอน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ในรุ่งเช้าได้นำทอง 5 บาทไปจำหน่ายที่ห้างทองเยาวราช อ.บ้านแท่น เป็นเงิน 90,000 บาท ส่วนทองที่เหลือได้นำมาฝังไว้ในสวนยางท้ายหมู่บ้าน
ภายหลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ได้แกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย จนทราบว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้คนร้ายเป็นชาย 2 ราย ได้นำทองคำรูปพรรณที่ปล้นไปได้ ไปตระเวนขายตามร้านทองในอำเภอบ้านแท่น จ.ชัยภูมิ และนำรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่ในวันก่อเหตุทิ้งลงถังขยะข้างทาง โดยมียานพาหนะเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี
ต่อมาชุดสืบสวนจึงตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว จนทราบชื่อผู้ครอบครองคือนางจันทรจร ภรรยาของชัยมงคล จึงนำกำลังเดินทางไปที่บ้านที่เป็นที่อยู่ของเจ้าของรถยนต์ แต่ไม่พบว่านายชัยมงคลผู้ต้องหาได้กลับมาที่บ้านพักดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อคนร้ายในเบื้องต้นว่านายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ เคยก่อเหตุปล้นร้านทองกิมโต๊ะกังเยาวราชปี 2552 เมื่อ 10 ปีก่อน
สำหรับคนร้ายกลุ่มนี้ แบ่งงานกันทำ โดยนายสุพจน์ เทศรังษี ชาวชัยภูมิ และนายไพรวัลย์ ยาบัญฑิต ชาวอุดรธานี เป็นคนขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี นำทองรูปพรรณที่ปล้นได้ไปตระเวนขายใน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนคนร้าย 2 คนที่ลงมือก่อเหตุในร้านทองคือ นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมป์ อายุ 37 ปี จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นแฟนของเจ้าของรถคันที่มีผู้ขับไปขายทองใน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ กับนายเรืองศักดิ์ หรือยะ พันธ์ทอง
สอบสวนทราบว่า หลังก่อเหตุสำเร็จนายสุพจน์ เทศรังษี และนายไพรวัลย์ ยาบัญฑิต ได้ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บล 6213 อุดรธานี นำคนปล้นคือนายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมป์ และนายเรืองศักดิ์ พันธ์ทอง คนลงมือปล้นไปส่งที่ริมแม่น้ำโขงในพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เพื่อหนีข้ามฝั่งไปยังสปป.ลาว แล้วทั้งสองคนก็ขับรถย้อนกลับกระทั่งมาถูกจับได้ที่แยกวิทยาลัยสันติพล ใกล้ห้างบิ๊กซี ทางเลี่ยงเมืองอุดรธานี และอยู่ระหว่างการสอบสวนทั้งสองคน
ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของภาค 4 ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่ เพื่อสกัดจับคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทองในครั้งนี้ รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบไหที่ผู้ก่อเหตุนำทองคำไปซ่อนภายในสวยยางที่ จ.ชัยภูมิ
ด้านพล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ผู้ต้องหา ขุดดินฝั่งทองคำที่ได้มาจากการปล้น พร้อมทั้งตรวจสอบที่เกิดเหตุ และ ตำรวจจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 (ศพฐ.4 ) ในสังกัดสำนักงานพิสูจน์ หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าทำการพิสูตร ดีเอ็นเอผู้ต้องหา บนสร้อยทองคำ ซึ่งยังมีผู้ต้องหาที่ยังจับไม่ได้อีก 2 คน ในการปล้นทรัพย์ในครั้งนี้ ผู้ต้องหามีคดีชิงทรัพย์เพียบเพิ่งออกจากเรือนจำมาหมาดๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:ด่วน! 2โจรปล้นร้านทองจนมุม ตร.ไล่ล่าจับระทึกคาถนนเลี่ยงเมืองอุดรฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :พบแล้ว!ทองที่ถูกปล้น ซุกไหฝังดินกลางสวนยางชัยภูมิ (ชมคลิป)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี