จังหวัดบุรีรัมย์ จัดประชุมกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง จังหวัดอุดรมีชัย กับจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน ตลอดทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างกัน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอขอให้ฝ่ายไทยเร่งผลักดัน เปิดจุดผ่อนปรน ทางการค้าช่องสายตะกู เป็นจุดผ่านแดนถาวร
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุม โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นายอนุชา โฆษาศิวิไลซ์ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการอำเภอบ้านกรวด และหัวหน้าส่วนราชการอำเภอละหานทราย ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงของไทย นายลึม ซกโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา และนายออม จันทา รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา และส่วนราชการของจังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมประชุมหารือกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างจังหวัดบุรีรัมย์ ราชอาณาจักรไทย กับจังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อสร้างความร่วมมือของทั้ง 3 จังหวัด ในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา, การพัฒนาความสัมพันธ์ด้านต่างๆ ทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวตามอารยธรรมขอม และเพื่อการพัฒนาการตลาดการค้าในบริเวณพื้นที่จุดผ่อนปรน ทางการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา
โดยข้อหารือหลักในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการหารือในประเด็น การบริหารจัดการจุดผ่านแดน, การค้าขายสินค้าเกษตรของประชาชนบริเวณชายแดน, การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายแดน, การสาธารณสุขและการพัฒนาชุมชน, การจัดการภัยพิบัติ, การป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรมบริเวณชายแดน, ด้านการท่องเที่ยว และด้านกลไกความร่วมมือระดับท้องถิ่น เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
ซึ่งในที่ประชุมทางด้าน นายลึม ซกโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เสนอในที่ประชุม 3 หัวข้อ คือ 1.ขอให้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ ช่วยติดตามความคืบหน้า ของการดำเนินการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร ของจุดผ่านแดนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งกรณีดังกล่าวทางรัฐบาลกัมพูชา ได้มีมติและก็สั่งการให้ จังหวัดอุดรมีชัย ยกระดับจุดผ่านแดนดังกล่าวเป็นจุดผ่านแดนถาวรเรียบร้อยแล้ว แต่ยังติดค้างในส่วนของฝ่ายไทย ที่ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรและอยากจะทราบว่าทางจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการไปถึงจุดไหนแล้ว เพราะอยากต้องการให้มีการเปิด จุดผ่านแดนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2.เสนอให้จังหวัดบุรีรัมย์ ช่วยผลักดันการอนุญาตให้ สามารถนำรถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ เข้าออกจุดผ่านแดนดังกล่าวได้ เพื่อสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างกัน และ 3.ขอให้มีการขยายเวลาการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา จากเดิม 08.00-15.00 น. เป็น 08.00-18.00 น.
ขณะที่ นายออม จันทา รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา บอกว่า ฝ่ายกัมพูชา มีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในประเด็นข้อหารือในที่ประชุมวันนี้ และอยากขอเสนอให้ จังหวัดบุรีรัมย์ เร่งผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่านแดน ที่บริเวณหลัก 27 บ้านบาระแนะ 2 , บ้านราษฎร์รักแดน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ กับ อ.ทะมอพวก จ.บันเตียเมียนเจย
ส่วนปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ทั้ง 3 จังหวัด ได้มาประชุมปรึกษาหารือ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี ระหว่างคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การดำเนินงานทั้งในระดับพื้นที่ และระดับจังหวัด เป็นไปด้วยความราบรื่น ประสบความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ของทั้งสองประเทศให้มากที่สุด ในส่วนข้อเสนอที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย กับรองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา นำเสนอในที่ประชุม ทางจังหวัดบุรีรัมย์ จะได้นำข้อเสนอและข้อหารือต่างๆในการประชุมครั้งนี้ เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี