ในหลวง-สมเด็จพระราชินี
ทรงห่วงใย
ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุวางระเบิดในกทม.
พระราชทานดอกไม้สิ่งของ
นายกฯยันคุมสถานการณ์ได้
ตร.ไล่ล่า10คนร้ายป่วนกรุง
“ในหลวง-พระราชินี” พระราชทานดอกไม้และตะกร้าสิ่งของ แก่ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในขณะที่นายกฯยันคุมสถานการณ์ได้ ส่วนตำรวจเร่งมือแกะรอยสางคดี ล่าอีก 10 มือป่วนกรุง ท่ามกลางกระแสข่าว 2 ผู้ต้องหายอมสารภาพแล้ว
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ นายเอกรินทร์ ยงสันเที๊ยะ อายุ 54 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ณ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
จากนั้น เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ นายชนะใจ เลาะหมุด อายุ 28 ปี
ที่ได้รับบาดเจ็บจากคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณลาดจอดรถหน้าอาคารมหานคร คิง เพาเวอร์ และ น.ส.ศศินิภา เพชรทองหลาง อายุ 39 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณซอยพระราม 9-57/14 (หลังร้าน 13 เหรียญ) ณ โรงพยาบาลวิภาราม เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
เสร็จแล้ว เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ น.ส.คิสนา ผ่องใสสี อายุ 46 ปี
และ นางสุนทร รอดเสียงล้ำ อายุ 56 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณซอยพระราม 9-57/14 (หลังร้าน 13 เหรียญ) ณ โรงพยาบาลสิรินธร เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
โอกาสนี้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยไปกล่าวกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับทราบ สร้างความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ประชาชนและครอบครัวที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหาที่สุดมิได้
นายกฯยันไม่กระทบศก.-ท่องเที่ยว
นางนฤมลภิญโญสินวัฒน์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมติดตามสถานการณ์เหตุระเบิดและผลกระทบอย่างต่อเนื่องโดยยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยแต่อย่างใดซึ่งจากข้อมูลของผู้แทนไทยในต่างประเทศพบว่ามีเพียงการรายงานข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ยังไม่มีการเตือนหรือห้ามประชาชนเดินทางมายังประเทศไทย ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้สร้างความมั่นใจแก่ผู้แทนต่างประเทศที่มาเยือนไทยเช่นผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า รัฐบาลไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ซึ่งผู้แทนต่างประเทศต่างเข้าใจและไม่กังวลใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและประเทศไทยจึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วและทุกคนปลอดภัย
“อังกฤษ-ฝรั่งเศส”ไม่ห้ามมาไทย
ทั้งนี้ มีรายงานว่ามี 3 ประเทศ คือ อังกฤษแคนาดาออสเตรเลียออกมาเตือนพลเมืองของเขาในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยหลังจากมีระเบิดและพบวัตถุระเบิดอีกหลายจุดในกรุงเทพฯ และล่าสุดทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ชี้แจงว่า ประเทศฝรั่งเศสกับสหราชอาณาจักรให้ข้อมูลกับพลเมืองของเขาว่าขณะนี้มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เขาไม่ห้ามพลเมืองของเขาที่จะเดินทางมาประเทศไทยหรือมาท่องเที่ยว แต่เขาแจ้งให้พลเมืองของเขาติดตามสถานการณ์และระมัดระวังตัวในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากในประเทศไทย
นางนฤมล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์จันทร์ ยังได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงทุกคนที่ปฎิบัติงานอย่างเต็มที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงสื่อมวลชนที่ได้ช่วยกันเป็นกำลังสำคัญในการช่วยตรวจสอบข้อมูลความเป็นจริงและเป็นสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำ10 โยงโจรป่วนใต้
มีรายงานจากฝ่ายสืบสวนคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดป่วนหลายจุดของกรุงเทพฯและจังหวัดนนทบุรี ว่า ขณะนี้ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในจุดต่างๆ มีไม่ต่ำกว่า 10 คน พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยแผนประทุษกรรมเป็นลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้วใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่ใช่ผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีการจับกุมไปแล้ว ผู้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นคนกลุ่มใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งชุดสืบสวนแต่ละชุดไปรวบรวมข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุที่สถานีรถไฟฟ้า สถานีช่องนนทรี, ศูนย์ราชการอาคาร B, กองบัญชาการกองทัพไทย และหน้าสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อนำมาไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยพบข้อมูลว่า คนร้ายเตรียมระเบิด 9 ลูก มาใช้ก่อเหตุ มีการเขียนตัวเลขกำกับแต่ละลูกไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ EOD ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดสามารถกู้ระเบิดได้ 3 ลูก คือที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ลูก และที่หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย 1 ลูก ช่วงเวลาที่คนร้ายก่อเหตุ อยู่ในช่วง 6 นาฬิกาถึง 9 น. หลังจากนั้นก็ไม่พบเหตุระเบิดจุดใดเพิ่มเติม ยืนยันว่าเหตุที่มีคนพบวัตถุต้องสงสัยนับตั้งแต่เวลา 9 น. วันที่ 2 สิงหาคม ยังไม่พบว่ามีจุดใดเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สร้างสถานการณ์ในกรุงเทพฯ
2มือวางบึ้มหน้าสตช.สารภาพ
ในส่วนของ นายลูไซ แซแง อายุ 23 ปี และ นายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ชาว จ.นราธิวาส ผู้ต้องสงสัยนำระเบิดไปวางใต้ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม จากข้อมูลทางการสืบสวนยืนยันว่า เป็นขบวนการเดียวกันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิดหลายจุดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล หาความเชื่อมโยงผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นต่อไป ส่วนความคืบหน้าอย่างเป็นทางการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงด้วยตนเองอีกครั้ง หลังการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนเสร็จสิ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ นายลูไซ และนายวิลดัน ซึ่งมีหลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิด ที่สุดแล้วยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง แต่ยังไม่ยอมบอกมูลเหตุจูงใจและระบุว่าก่อเหตุเพียงแค่จุดเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับจุดอื่น ซึ่งสอดคล้องกับเวลาที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเวลาพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีหลายกลุ่ม ในแต่ละจุดจะแบ่งการทำงานเป็น 2 คน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่ผ่านไปมาพบพิรุธ
มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับเหตุเพลิงไหม้ในร้านจำหน่ายตุ๊กตานำเข้า ย่านสยามสแควร์ จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการตั้งเวลาระเบิดเพลิงไว้ ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวน กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาเบาะแสผู้ก่อเหตุเพื่อนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ตั้ง’พล.ต.ท.สุวัฒน์’หัวหน้าทีมสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งพนักงานสอบสวนสืบสวนกรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดเมื่อวันที่ 1 และ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุอุกฉกรรจ สะเทือนขวัญ และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง โดยมี พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
สั่งเทศกิจเพิ่มตรวจตราวันละ5รอบ
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (ปลัด กทม.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ได้สั่งเพิ่มรอบการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เทศกิจเป็น 5 รอบ ตลอดวัน จากเดิม 3 รอบใน ทุกเขต เน้นจุดชุมชนหนาแน่น ห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งรถไฟฟ้า ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้ พร้อมประสานภาคเอกชน เชื่อมต่อข้อมูลกล้องวงจรปิด ซีซีทีวี เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวใน กทม.
เหยื่อ5รายยังรักษาตัวอยู่ใน รพ.
ขณะที่ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพฯ รายงานว่า ขณะนี้ มีผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดดังกล่าวรวม 5 คน ทั้งหมดยังรักษาตัวในโรงพยาบาล ได้แก่ 1.นายชนะใจ เลาะหมุด จากเหตุระเบิดใต้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ยังคงต้องรับให้ยาปฏิชีวนะและรับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ หลังผ่าตัดบาดแผลที่ขาและเท้าด้านขวา อยู่ รพ.วิภาราม พัฒนาการ 2.นายเอกรินทร์ ยะสันเที๊ยะ บาดเจ็บที่หน้าอาคารมหานคร คิงพาวเวอร์ รักษาตัว รพ.เซนต์หลุยส์ ใส่เฝือก เนื่องจากข้อเท้าขวาและกระดูกร้าว 3.นางสุนทร รอดเสียงล้ำ 4.น.ส.คิสนา ผ่องสีใส รักษาตัวที่ รพ.สิรินทร อาการดีขึ้น มีแผลถลอกกระจกตา และเยื่อแก้วหูทะลุ และ 5.น.ส.ศศินิภา เพชรทองหลาง อยู่ รพ.วิภาราม พัฒนาการ อาการดีขึ้น รู้สึกตัวดี เยื่อแก้วหูทะลุ
พฐ.ตรวจจุดไฟไหม้ย่านประตูน้ำ
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ 4 จุดที่ย่านการค้าประตูน้ำ เพื่อหาความเชื่อมโยงที่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดป่วน 9 เหตุการณ์ใน 5 จุด หรือไม่ โดยเหตุเพลิงไหม้ 4 จุดที่ย่านประตูน้ำ ประกอบด้วย อาคารที่ใช้สำหรับเก็บสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น รวมถึงร้านเสื้อผ้า 2 แห่ง และตรอกแห่งหนึ่งภายในซอยอำนวยสุข ตลาดเฉลิมลาภ ติดกับถนนราชปรารภ ซึ่งจุดนี้พบเบาะแสสำคัญเป็นเพาเวอร์แบงก์สีขาวที่ถูกนำมาวางไว้และเกิดระเบิด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันว่าเหตุนี้เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหลายจุดหรือไม่
แม่ฮ่องสอนคุมเข้มแหล่งท่องเที่ยว
โดย ที่ จ.แม่ฮ่องสอน โดยการสั่งการของนายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอปายมอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.ปาย พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.ปายที่ 4 บูรณาการร่วม เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สายตรวจ สภ.ปาย เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.1722 และเจ้าหน้าที่ทหาร ร.7 พัน 5 ออกตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยสถานที่ราชการ สนามบิน สถานีขนส่งและที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ ตามข้อสั่งการของ มท.1 ที่สั่งการให้ กทม. และทุกจังหวัด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เสริมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน
พังงาสั่งทุกส่วนตรวจตราเต็มที่
ส่วน นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และ ว่าที่ ร.อ.พงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายสมศักดิ์ ชูแสง ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง หน.ฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้ทุกส่วนเฝ้าระมัดระวังสถานการณ์ในพื้นที่ และมอบหมาย กำลังบูรณาการออกตรวจสอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งชุมชน สถานีเดินรถ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเขตพื้นที่ อำเภอตะกั่วป่า ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ออกลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่แหล่งชุมชน แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง และสถานที่สำคัญในเขตอำเภอตะกั่วป่า โดยเฉพาะที่บริเวณแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังย่านเขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า พร้อมกันนี้ ได้โดยได้จัดชุดฝ่ายปกครองเฝ้าตรวจตราอย่างเข้มงวดพร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี