คำถาม ผมขอคำแนะนำในการปลูกทานตะวันด้วยครับ ขอบคุณครับ
คำอินทร์ มีศรี
อ.เมือง จ.มหาสารคาม
คำตอบ
ทานตะวัน เป็นพืชน้ำมันที่สำคัญทางเศรษฐกิจรองจากถั่วเหลือง และปาล์มน้ำมัน ทานตะวันค่อนข้างทนแล้งได้ดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีนสูง น้ำมันทานตะวัน มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว และมีสาร antioxidants กันหืนได้ดี สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น เนื่องจากน้ำมันทานตะวันมีคุณค่าสูง จึงเป็นที่ต้องการของตลาด
การเตรียมดินการเตรียมดินก่อนปลูก ควรไถดินให้ลึกในระดับ 30 เซนติเมตร หรือลึกกว่านั้น การไถดินลึก จะช่วยทำลายการอัดแน่นของดินในชั้นไถพรวน ทำให้น้ำซึมลงในดินชั้นล่างได้มากขึ้น และไถย่อยดินครั้งสุดท้ายให้ร่วนซุย ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปพร้อมกับการย่อยดินครั้งสุดท้าย
การปลูกหลังจากเตรียมดินเสร็จแล้ว ควรทำร่องสำหรับหยอดเมล็ด โดยให้แต่ละร่องห่างกัน 70-75 เซนติเมตร และให้หลุมปลูกในร่องห่างกัน 25-30 เซนติเมตร หยอดหลุมละ 2 เมล็ด แล้วกลบดินโดยให้เมล็ดอยู่ลึก 5-8 เซนติเมตร เมื่อพืชงอกได้ 10 วัน หรือมีใบจริง 2-4 คู่ ให้ถอนแยกเหลือไว้เฉพาะต้นที่แข็งแรงเพียงหลุมละ 1 ต้น การยกร่องนี้ เพื่อเป็นการสะดวกในการให้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกในฤดูแล้งที่ต้องการน้ำมาก ส่วนการปลูกในฤดูฝน ถ้าเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ก็ไม่จำเป็นต้องยกร่อง และใช้ระยะปลูกเช่นเดียวกับยกร่องให้ใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสม จำนวน 0.7 กิโลกรัมต่อไร่
การให้ปุ๋ยทานตะวัน เป็นพืชที่ให้โปรตีน และแร่ธาตุสูง จึงควรใส่ปุ๋ยในปริมาณที่พืชต้องการตามสภาพดินที่ปลูกด้วย สำหรับปุ๋ยเคมีที่เหมาะสม ให้ใช้สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-8 อัตรา 30-50 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่รองพื้น พร้อมปลูก และใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อทานตะวันอายุได้ 30 วัน หรือมีใบจริง 6-7 คู่ ซึ่งเป็นระยะกำลังจะออกดอก หากมีการตรวจวิเคราะห์ดินก่อนปลูก จะช่วยให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและในกรณีที่เป็นดินทรายและขาดธาตุโบรอนควรใส่ผงบอแร็กซ์ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อไร่ จะทำให้เพิ่มผลผลิตได้มากและทำให้คุณภาพของเมล็ดทานตะวันดีขึ้น
การให้น้ำ น้ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อผลผลิตของทานตะวัน หากความชื้นในดินมีน้อยก็จะทำให้ผลผลิตลดลงด้วย การให้น้ำที่เหมาะสมแก่ทานตะวันจึงจะทำให้ได้รับผลผลิตดีด้วย การให้น้ำควรทำทุกระยะของการปลูก อย่างสม่ำเสมอ คือ ระยะหลังจากปลูกเสร็จแล้วรีบให้น้ำทันที หรือควรทำการปลูกทันที หลังฝนตกเพื่อใช้ความชื้นในดินให้เต็มที่โดยไม่ต้องรดน้ำ จากนั้น ควรให้น้ำทึกระยะ คือ ในระยะมีใบจริง 2 คู่ ระยะเริ่มมีตาดอก ระยะดอกเริ่มบาน ระยะกำลังติดเมล็ด ควรให้น้ำอย่างเพียงพอให้ดินชุ่ม แต่ไม่ต้องถึงกับแฉะและน้ำขังการให้น้ำควรคำนึงถึงความชุ่มชื้นในดินด้วย
การเก็บเกี่ยวให้เก็บเกี่ยวทานตะวันในช่วงอายุประมาณ 90-120 วัน หรือหลังจากจานดอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้ว ประมาณ 7-14 วัน โดยใช้กรรไกรตัดจานดอก โดยเลือกเฉพาะดอกที่สมบูรณ์
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวให้นำจานดอกที่เก็บเกี่ยวแล้วตากแดด 1-2 แดด และคลุมกองจานดอกทานตะวันด้วยผืนผ้าใบในเวลากลางคืน เพื่อป้องกันน้ำค้าง การกะเทาะเมล็ดจากจานดอก โดยใส่จานดอกในถุงผ้า หรือกระสอบแล้ว ใช้ท่อนไม้ทุบ หรือใช้เครื่องนวดถั่วเหลืองจากนั่นนำเมล็ดที่กะเทาะแล้ว ไปตากแดด 1-2 แดด เพื่อลดความชื้นในเมล็ด แล้วทำความสะอาดเมล็ดแล้วบรรจุในกระสอบป่าน ควรวางกระสอบที่บรรจุเมล็ดทานตะวันในที่ร่ม
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ควรเป็นพื้นที่ดอน หรือที่ลุ่มไม่มีน้ำท่วมขัง มีความลาดเอียงไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตร ลักษณะดินควรเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว หรือดินเหนียว มีการระบายน้ำ และถ่ายเทอากาศดี มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง มีอินทรีย์วัตถุพอเพียง มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 6.0-7.5 อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 18-35 องศาเซลเซียส และมีปริมาณน้ำฝนกระจายสม่ำเสมอ
นาย รัตวิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี