สหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด เปิดตลาดกลางเพื่อซื้อ-ขายข้าวเปลือก ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกร ให้สามารถขายข้าวให้ได้ราคาที่เป็นธรรม อีกทั้ง สร้างความพึงพอใจให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงราคากันโดยตรง โดยมีสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด เป็นศูนย์กลางตกลงราคา ให้บริการลานตาก เครื่องชั่งที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากสำนักชั่งตวงวัด สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ขายเป็นอย่างมาก
ร้อยตรีสนิท สุธาพจน์ ประธานสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด นั้น ดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย เช่น พวกปุ๋ย ยา ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ได้รับงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อปี 2560 เพื่อสร้างลานตาก 1,150,000 บาท หลังจากได้งบดังกล่าวมาแล้วได้พัฒนาและส่งเสริมให้กลุ่มสมาชิกเข้ามาขายข้าวที่สหกรณ์ฯ โดยสหกรณ์ฯจะเป็นศูนย์กลางระหว่างพ่อค้ากับสมาชิกผู้ขายข้าว ซื้อ-ขายในราคาที่เป็นธรรม และมีเครื่องชั่งที่ได้มาตรฐานตรวจสอบได้ ส่งผลให้เกษตรกรสมาชิกพึงพอใจมาก การซื้อ – ขายข้าวของสหกรณ์ฯ นอกจากจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างพ่อค้ากับเกษตรสมาชิกแล้ว ยังสามารถถ่วงดุลราคาขายของโรงสีข้างเคียง ไม่ให้กดราคาข้าวเปลือกให้ต่ำลงได้อีกด้วย
“สหกรณ์ฯเปิดเป็นตลาดกลาง รับซื้อข้าวทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวแห้ง ข้าวเปียก เนื่องจากสถานที่กว้างขวางพอที่จะแยกกองข้าวแห้ง และกองข้าวเปียกได้ อีกทั้งยังสามารถรองรับการรับซื้อข้าวได้มากถึงกว่า 600 ตันต่อวัน ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ฯ ได้ดำเนินการของบประมาณสร้างลานตากเพิ่ม เนื่องจากช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคม จะมีการซื้อ - ขาย ข้าวเปลือกค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่ลานตากเพิ่มขึ้น” ร้อยตรีสนิท กล่าว
ด้านนายพิเชษ รวมทรัพย์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนด้านการตลาดนั้น ปัจจุบันโครงการตลาดกลางซื้อ - ขาย ข้าวเปลือกของสหกรณ์ฯ จะมีพ่อค้าและเกษตรกร ทำการตกลงราคากัน เพื่อให้ได้ราคาที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย โดยจุดเด่นของโครงการ นี้ คือ สมาชิกจะได้ราคาที่สูงกว่าการนำข้าวเปลือกไปขายที่อื่น และเครื่องชั่งที่ได้มาตรฐานได้รับการรับรองจากสำนักชั่งตวงวัด สร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรสมาชิกและพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อข้าวเปลือก อีกทั้งเมื่อสมาชิกนำข้าวเปลือกมาขายกับทางสหกรณ์แล้ว ยังได้รับเงินเฉลี่ยคืนทุกปีอีกด้วย ทำให้มีปริมาณการซื้อ-ขายข้าวเปลือกในปี 2561 อยู่ที่ ประมาณ 3 หมื่นกว่าตัน คิดเป็นมูลค่า 200 กว่าล้านบาท และได้รับเงินเฉลี่ยคืนตันละ 50 บาท ทั้งนี้สมาชิกจะได้เงินเฉลี่ยคืนมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวที่สมาชิกนำมาขาย
ขณะที่นางจำนง จันทร์ธรรม สมาชิกสหรกร์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด เล่าถึงการเข้าร่วมโครงการซื้อ-ขายข้าวเปลือกกับสหกรณ์ฯ ให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนทำการเกษตร ปลูกข้าวเป็นส่วนใหญ่ ผลผลิตที่ได้ไม่ค่อยดีนัก มีปัญหาเรื่องเพลี้ย ทำให้ได้ผลผลิตข้าวน้อย อีกทั้งขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่ต่ำ พอสหกรณ์ฯ เปิดตลาดกลางเพื่อซื้อ-ขายข้าวเปลือก ทำให้สามารถตกลงราคากับพ่อค้าโดยตรง ส่งผลให้ขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งตนยังมั่นใจในเครื่องชั่งที่ได้มาตรฐานของสหกรณ์ฯอีกด้วย อยากให้มีโครงการดีๆ อย่างนี้อีกเรื่อยๆ
การเปิดตลาดกลาง ซื้อ - ขาย ข้าวเปลือกของสหกรณ์การเกษตรบ้านโป่ง จำกัด นั้น ถือเป็นความสำเร็จที่ช่วยให้เกษตรกรสมาชิก เกษตรกรทั่วไป และผู้ค้า ผู้รับซื้อข้าวเปลือก ได้รับประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำได้เป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี