เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ประเทศไทยมีประชากรราว 45 ล้านคน ในปีปัจจุบันประชากรไทยเพิ่มขึ้นเป็น 70 ล้านคน เช่นเดียวกับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าในปี 2593 ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านคน จากปัจจุบันที่ประชากรโลกมีอยู่ประมาณ 7,600 ล้านคน สิ่งที่ตามมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรคือความต้องการด้านที่อยู่อาศัย และแน่นอนพื้นที่ของโลกไม่เพิ่มขึ้น พื้นที่ของประเทศไทยยังคงเดิม การใช้ประโยชน์ที่ดินย่อมเปลี่ยนแปลงไป พื้นที่การเกษตรถูกปรับเป็นพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ พื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรม ในขณะที่พื้นที่ป่าถูกรุกรานกลายเป็นพื้นที่เพื่อการเกษตรและบางส่วนกลายเป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ไป จากข้อจำกัดของพื้นที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเกษตรที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการอาหารก็เพิ่มขึ้นตามจำนวนของประชากรเช่นกัน การทำการเกษตรแบบเดิมๆ ไม่สามารถจะอยู่รอดได้ ต้องมุ่งสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วยพื้นที่ให้มากขึ้น ตัวเกษตรกรเองต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและรูปแบบความต้องการอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป
ย้อนกลับไปยังทุ่งรังสิต เมื่อครั้งอดีตนับว่าเป็นอู่ข้าวหล่อเลี้ยงคนเมืองหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาให้ขุดคลองและจัดวางระบบการส่งน้ำ เพื่อให้มีน้ำเข้าถึงพื้นที่ปลูกข้าวอย่างทั่วถึง และโปรดเกล้าฯให้ตั้งสถานีทดลองข้าวรังสิตเป็นแห่งแรก เพื่อทำการค้นคว้าทดลองทางวิชาการ สนับสนุนการทำนาของเกษตรกรให้สามารถผลิตข้าวได้อย่างเพียงพอ ประสบความสำเร็จสร้างตำนานเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ยังคงเหลือร่องรอยของความรุ่งเรืองแห่งการเป็นคลองรังสิตเพื่อการทำนาอยู่บ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การเกษตรจะประสบความสำเร็จอย่างดีนั้น น้ำคือปัจจัยสำคัญควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง
ยุคปัจจุบันการทำการเกษตรเพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย เกษตรกรต้องปรับรูปแบบการผลิต ชนิดของสินค้า ระบบการจำหน่ายให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บิรโภคเป็นสำคัญ การใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ต้องนำมาใช้ให้เหมาะสม
ครบถ้วน ถูกต้อง จึงจะทำให้การทำการเกษตรประสบความสำเร็จ ใช่แต่เพียงมีที่ดินแล้วจะสามารถทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างน่าตกใจ การทำการเกษตรที่ประสบความสำเร็จบางที่อาจไม่จำเป็นต้องมีที่ดินเลยก็เป็นได้
อิสราเอล เป็นประเทศที่มีที่ดินเป็นทะเลทราย ไม่เหมาะที่จะทำการเกษตร แต่ก็สามารถทำการเพาะปลูกได้ ด้วยการใช้ความรู้เป็นสำคัญ มีการนำหลักการจัดการฟาร์ม การบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับความต้องการของพืชที่ปลูก และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด สัดส่วน GDP ภาคการเกษตรของอิสราเอลสูงกว่าไทยถึง 20 เท่า หากคิดเทียบในสัดส่วนพื้นที่ทางการเกษตรที่เท่ากัน เหตุผลสำคัญที่อิสราเอลสามารถทำได้คือ การจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงมากแห่งหนึ่งของโลก การนำนวัตกรรมมาใช้ในการจัดการและการดำเนินการด้านการผลิตและการตลาดภาคการเกษตรทุกขั้นตอน สอดรับกับความต้องการของตลาดและศักยภาพของตนเอง ในขณะที่ไทยเราพร้อมจะปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรในพื้นที่ 130 ล้านไร่ ให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ด้วยแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่ ข้อมูลAgriMap ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า เกษตรกรทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการเกษตรของตนเองถึง 16.62 ล้านไร่ โดยเป็นข้าวสูงสุด 11.2 ล้านไร่ ส่งผลให้เกษตรกรต้องลงทุนมากขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนไม่เพิ่มขึ้นเกษตรกรบางราย เมื่อทราบผลการวิเคราะห์แล้ว กลุ่มที่เป็นคนหัวไวใจสู้ได้ปรับเปลี่ยนระบบการผลิตของตนเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของตนเอง ร่วมกับการวิเคราะห์ทางการตลาด เกษตรกรกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สามารถอยู่รอดได้ เช่น กลุ่มเกษตรกรที่เลาขวัญ กาญจนบุรี และกลุ่มเกษตรในจังหวัดสระแก้ว ได้ปรับไปเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ เช่น แพะ และโคเนื้อ แทน เกษตรกรอีกจำนวนไม่น้อย ปรับไปสู่การทำการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูงกว่าการทำการเกษตรตามรูปแบบของความเคยชิน
การทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญ คือ ตัวเกษตรกรเองที่ต้องการพัฒนาและยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ด้วยการใช้ความรู้และลงมือทำอย่างจริงจัง แบบที่เรียกกันว่า เกษตรกรมืออาชีพ ผมหวังว่าจะพบเกษตรกรมืออาชีพเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นในอนาคตอันไม่ไกลนัก
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี