รวบ‘อาจารย์โหน่ง’ตุ๋นขายทัวร์ยุโรป ก่อนเชิดเงินหนี เหยื่อเพียบเสียหายกว่า70ล.
6 สิงหาคม 2562 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้าการจับกุมนายภัทริคณ์ เรตะกุล หรือ “อาจารย์โหน่ง” กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท อีแอลซี กรุ๊ป จำกัด ตามหมายจับศาลอาญารัชดาภิเษก ข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังเปิดบริษัทท่องเที่ยวหลอกลวงประชาชน โดยใช้ทัวร์ราคาถูกอ้างว่าสามารถพาไปท่องเที่ยวยุโรปในราคาถูก แต่พอถึงวันเดินทางกลับไม่สามารถเดินทางได้ ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ศปอส.ตร. ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนมาก ว่าได้ซื้อทัวร์จาก ELC TOUR มีการซื้อขายล่วงหน้า 1-2 ปี ในราคาที่ต่ำกว่าปกติมาก โดยให้ชำระเงินเต็มจำนวนก่อน เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นระบบทัวร์ปิดที่จำหน่ายรายการนำเที่ยวให้กับสมาชิกเท่านั้น โดย ELC TOUR สร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการที่ให้สมาชิกบางส่วนได้ไปเที่ยวจริง แล้วมาแนะนำชักชวนคนรู้จักจนขยายวงกว้าง เป็นวิธีการหลอกลวงโดยการที่เรียกว่า Fishing หรือการตกเบ็ด ซึ่งต่อมาเมื่อครบกำหนดเวลาที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังรายการต่อๆไปที่ได้มีการซื้อไว้ ELC TOUR กลับแจ้งยกเลิกการเดินทาง โดยให้เลื่อนรายการออกไปเรื่อยๆ เมื่อผู้เสียหายติดต่อขอเงินคืนก็จะได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีเพียงส่วนน้อยที่ ELC TOUR จะโอนเข้าให้กับบริษัทขายตั๋วเครื่องบินหรือใช้ในการทำทัวร์ ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาของบริษัทฯ ที่จะไม่นำเงินของนักท่องเที่ยวไปจัดรายการนำเที่ยวตามที่ตกลง ขณะนี้มีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้วมากกว่า 220 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท
“ผู้ต้องหามีพฤติการณ์เชิญชวนให้ประชาชนมาจับจองทัวร์เพื่อไปท่องเที่ยวทวีปยุโรปในราคาเพียง 40,000 บาท จากราคาท้องตลาดที่สูงกว่า 120,000 บาท ซึ่งตอนแรกมีการพาไปเที่ยวจริงก่อนจะให้ลูกทัวร์มาบอกต่อหาสมาชิกเพิ่ม ทำให้มีคนหลงเชื่อว่าสามารถพาไปได้จริงในราคาถูก จากนั้นมีสมาชิกเข้ามาจองเป็นจำนวนมาก พอถึงวันเดินทางกลับไม่สามารถเดินทางได้ ผู้เสียหายจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ ระบุว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ ผบช.น. จัดตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนระดับกองบัญชาการ โดยระดมพนักงานสืบสวนและสอบสวนร่วม 30 นาย รับผิดชอบคดีนี้ กำชับให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้ง บช.ก. , บช.ทท. , กรมการท่องเที่ยว , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานอัยการ เป็นต้น อีกทั้งการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขั้นตอน และกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนมีข้อมูลในการขอออกหมายจับตัวของผู้ต้องหา พร้อมพาไปค้นที่สำนักงานพบหลักฐานต่างๆอีกจำนวนมาก เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่าอยู่ระหว่างการหาเงินมาเคลียร์ให้ผู้เสียหาย และก่อนหน้านี้หมุนเงินไม่ทันทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินเพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายด้วย โดยตำรวจยังแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหาตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พร้อมจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีกเพิ่มเติมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มประชาชนจำนวนเกือบ 20 คน ซึ่งเคยเดินทางไปกับบริษัททัวร์ดังกล่าว และนายภัทริคณ์ได้เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมทั้งกล่าวว่ากลุ่มพวกตนเคยเดินทางมาแล้ว และประทับใจในการบริการ พร้อมทั้งได้จองทัวร์เดินทางล่วงหน้าไปหลายรายการจำนวนเงินหลักแสนบาท โดยส่วนตัวเดินทางมาให้กำลังใจและยังเชื่อมั่นในตัวนายภัทริคณ์ แต่เมื่อมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้เราพลาดทริปที่จะเดินทางไป โดยทริปที่จะต้องเดินทางล่าสุด คือ วันที่ 11 สิงหาคม 2562 อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ เพราะเรายังเชื่อมั่นและมั่นใจว่าจะได้เดินทางแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี