เตือน8จว.‘ริมโขง’! จีนปรับแผนระบายน้ำ ชาวบ้านชี้ผันผวนหนัก จี้รัฐแจงด่วน
11 สิงหาคม 2562 ศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีหนังสือด่วน ลงวันที่ 9 สิงหาคม เรื่องการเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำของเขื่อนจิงหง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ อธิบดีกรมเจ้าท่า อธิบดีกรมประมง และผู้ว่าราชการจังหวัดริมแม่น้ำโขง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
โดยมีเนื้อหาสำคัญ ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ฝ่ายจีน) มีหนังสือลงวันที่ 5 สิงหาคม แจ้งเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำจากเขื่อนจิงหง เพื่อบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้า โดยในช่วงวันที่ 5-10 สิงหาคม ระบายน้ำ 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วง 11-15 สิงหาคม จะระบายน้ำ 600-800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หลังจากนั้นจะเพิ่มการระบายน้ำในระดับปกติ
ในหนังสือระบุว่า ศูนย์อำนวยการน้ำเฉพาะกิจ ได้ติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์ระดับน้ำและปริมาณน้ำ เป็น 2 ส่วน คือ 1. ณ สถานีอุทกวิทยาเชียงแสน คาดการณ์ว่าวันที่ 12-15 สิงหาคม ระดับน้ำจะลดลงประมาณ 0.3-0.5 เมตร ช่วงวันที่ 16-19 สิงหาคม น้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.3-0.5 เมตร แล้วจะเข้าสู่ภาวะปกติ
2.จากสถานีอุทกวิทยาเชียงคานถึงสถานีอุทกวิทยาโขงเจียม การวิเคราะห์ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงและเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงจึงขอให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการทั้ง 8 จังหวัดให้ทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนจิงหงปกติมีประมาณ 1,200 ลบ.ม./วินาที การระบายน้ำในปริมาณตามที่ประกาศจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจากจีนลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่าปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้น คือ การผันผวนของระดับน้ำในแม่น้ำโขงตอนท้ายเขื่อนซึ่งจะไม่เป็นไปตามฤดูกาล ย่อมทำให้เกิดผลกระทบมากมายเกิดขึ้นและสะสมตามมาอย่างแน่นอน
“ผมได้พูดมาตลอดในเวทีเสวนาเรื่องปัญหาและผลกระทบของแม่น้ำโขงจากการสร้างเขื่อนในหลายๆครั้งว่าการที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูง ได้แต่ขอร้องให้มีการปล่อยน้ำหรือรอรับข้อมูลข่าวสารการปล่อยน้ำจากจีนและลาว อย่างเดียวนั้นไม่ทันกับสถานการณ์และไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นหน่วยงานของรัฐต้องเสนอให้มีการเจรจาพูดคุยกับประเทศในลุ่มน้ำโขงและประเทศเจ้าของเขื่อนอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะประเด็นในเรื่องการเก็บกักน้ำและปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนต้องให้สอดรับกับฤดูกาล เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ ความอุดมสมบูรณ์และวิถีชีวิตคนลุ่มน้ำโขง” นายนิวัฒน์ กล่าว
ส่วนนายชัยวัฒน์ พาระคุณ ชาวตำบลบ้านม่วง จ.หนองคาย กล่าวว่า ระดับน้ำโขงที่ผ่านหนองคายมีความผันผวนมากตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เมตรภายในคืนเดียว ทำให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะคนหาปลามีเรือจมหายไป 4 ลำ ส่วนอีก 6-7 ลำหลุดมาตามลำน้ำ แต่ชาวบ้านช่วยกันจับไว้ได้ และหลังจากนั้นอีกเพียง 2 วันน้ำได้ลดลง 50 เซนติเมตร และค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งล่าสุดได้ลดลงแล้วกว่า 2 เมตร
“ความผันผวนของปริมาณน้ำได้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้าน ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากเขื่อนไซยะบุรีที่กำลังทดลองการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือปริมาณน้ำที่ผันผวนครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติแน่ๆ เพราะไม่เคยมีมาก่อนที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในคืนเดียว 2 เมตร ที่สำคัญคือน้ำที่ไหลมาเป็นน้ำที่ใส หากเป็นน้ำฝนตามธรรมชาติจะมีสีขุ่น” นายชัยวัฒน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี