สตม.ทลาย‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน’ใช้ไทยเป็นฐานขู่เรียกเงิน เจอจะๆสคริปต์ใช้ตุ๋นเหยื่อ
15 สิงหาคม 2562 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ภาส สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.ภ.2 , พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ปส.3 , พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช , พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร รอง ผบก.สกส.บช.ปส. ปฏิบัติราชการ สตม. , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 , พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.ปรม พฤทธิกุล ผกก.ฝอ.บก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.ณรงค์ ชนะภัยกุล ผกก.ฝ่ายกิจการต่างประเทศ บก.อก.บช.ส., พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.ฝอ.ศทก. ปฏิบัติราชการ สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันใช้ประเทศไทยเป็นฐาน ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ชุดสืบสวนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ศปอช.สตม.) ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ได้รับคำสั่งให้สืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลชาวไต้หวันที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำผิด ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน
หลังจาก พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย ว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวไต้หวันได้ตั้งฐานศูนย์โทรศัพท์(Call Center) ในประเทศไทย แล้วโทรศัพท์ผ่านระบบโทรศัพท์ทางอินเตอร์เน็ต หรือ วีโอไอพี(VOIP : Voice Over Internet Protocol) ไปหลอกลวงเหยื่อชาวไต้หวัน โดยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสุขภาพ หลอกเหยื่อว่าบัตรประกันสุขภาพของเหยื่อถูกขโมย หลังจากนั้นมีการโอนสายที่สองอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อ บอกเหยื่อว่าอัยการที่ดูแลเรื่องนี้ให้มาศาลให้เหยื่อหลงเชื่อ ต่อมาจึงส่งแฟกซ์ซึ่งเป็นหนังสือราชการปลอมให้กับเหยื่อ เหยื่อจึงหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงมีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของไต้หวันที่เปิดรองรับไว้ แล้วมีกลุ่มคนร้ายอีกกลุ่มถอนเงินออก
เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงเหยื่อตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม 2561 ถึงปัจจุบัน ความเสียหายที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ไต้หวันแล้ว 21 ราย รวมความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท
ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้ชุดจับกุมสืบสวน จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายตั้งฐานเป็นศูนย์โทรศัพท์อยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ อยู่หมู่ที่ 4 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี สืบสวนพบชาวไต้หวัน จำนวน 13 คน เป็นบุคคลมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมฯ ผบก.ตม.3 จึงดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและควบคุมกักตัวไว้ที่ห้องกัก สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับไต้หวันต่อไป
นอกจากนี้จากการตรวจสอบบ้านพักที่เป็นศูนย์โทรศัพท์(Call Center) พบของกลางที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดในการหลอกลวงผู้เสียหายชาวไต้หวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 44 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 10 เครื่อง , เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ต(เร้าเตอร์) จำนวน 17 เครื่อง , กล่อง Voip Gateway จำนวน 23 กล่อง , เครื่องโทรศัพท์บ้าน จำนวน 43 เครื่อง , ซิมการ์ดที่ยังไม่ได้ใช้งาน จำนวน 5 ชิ้น , ซิมการ์ด Roaming ยี่ห้อ Blackberry จำนวน 4 ชิ้น , เครื่องบันทึกเสียงไม่ทราบยี่ห้อ จำนวน 3 เครื่อง , แผ่นกระดาษและสมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน ซึ่งเป็นสคริปต์บทสนทนาหลอกลวงจำนวนมาก , หนังสือจิตวิทยาขั้นสูงในการก่ออาชญากรรม ฉบับภาษาจีน จำนวน 1 เล่ม และแฟลชไดร์ฟ จำนวน 3 ชิ้น
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันให้ความสำคัญกับคดีนี้มากใช้ระยะเวลาในการสืบสวนติดตามเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีความสามารถในการหลบซ่อนและหลอกลวงเหยื่อจำนวนมากมีมูลค่าความเสียหายสูง โดยในวันนี้ทางการไต้หวันได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน จำนวน 5 นาย เดินทางเข้าพบ ผบช.สตม. เพื่อประสานงานและขอตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตรวจยึดไว้ ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง
# ขอบคุณภาพ-ข้อมูล พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองผบก.อก.สตม. ปฏิบัติราชการ รองผบก.ตม.1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี