กรมชลฯระดมช่วย49จว.
เผชิญแล้งจัด
เตือนฝนมาช้า-หมดเร็ว
ซ้ำน้ำไหลเข้าอ่างฯน้อย
เร่งวางแผนแก้ขาดแคลน
กรมชลฯถกติดตามสถานการณ์น้ำ ชี้ฝนมาช้า-หมดเร็ว อ่างฯทั่วปท.-แม่น้ำสายหลัก ลำน้ำสาขาปริมาณน้ำน้อย ลุ้นกันยายน ฝนเยอะเติมเพิ่มน้ำ พร้อมวางมาตรการช่วย 49 จว.ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ขณะที่กรมอุตุฯ
เตือนเหนือ-อีสานฝนถล่ม70% ภาคอื่น-กทม.ไม่น้อยหน้า40-60%
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ครั้งที่ 17/2562 ซึ่งมีผู้แทนจากกรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมป้องกันและบรรเทา-สาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังสำนักงานชลประทาน และเครือข่าย SWOC ทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่ต่างๆ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าช่วงวันที่ 20 - 25 สิงหาคม ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
เตือนเริ่มหน้าฝนมาช้าหมดเร็ว
ส่วนการคาดการณ์ปริมาณฝนล่วงหน้า 3เดือนระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมนั้น นายทวีศักดิ์กล่าวว่า ในเดือนกันยายน จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น และสิ้นสุดฤดูฝนช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งจะมีปริมาณฝนลดลง ถือว่าในปี 2562 เป็นปีที่เริ่มต้นฤดูฝนช้าและสิ้นสุดเร็ว
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ข้อมูลจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกัน 39,215 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุเก็บกักรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ 15,340 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน รับน้ำได้อีก 36,853 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ปัจจุบัน มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,602 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 1,906 ล้าน ลบ.ม. รับปริมาณน้ำตลอดฤดูฝนนี้ได้รวมกันอีกกว่า 16,269 ล้าน ลบ.ม.
อ่างฯ-แม่น้ำสายหลักปริมาณน้อย
ทั้งนี้ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีฝนตกหลายพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำไม่มาก เพิ่มน้ำเก็บกักจากช่วงสัปดาห์ก่อนได้เล็กน้อย ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่วนสภาพน้ำท่าในสายหลักต่างๆ ทั่วประเทศไทย มีปริมาณน้ำท่าในลำน้ำสายหลักและลำน้ำสาขา เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปริมาณน้ำท่าจึงยังคงอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างน้อยเช่นกัน
เร่งช่วย49จว.ประสบภัยแล้ง
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้วางมาตรการช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบภัยแล้ง ทั้งในและนอกเขตชลประทาน บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพื้นที่ในเขตชลประทาน 31 จังหวัด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ จัดรอบเวรใช้น้ำ กำจัดผักตบชวา วัชพืช และสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสูบน้ำตามรอบเวรเคร่งครัด ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนและเกษตรกรรับทราบต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน 18 จังหวัดให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า และรถบรรทุกน้ำเติมน้ำแหล่งน้ำดิบของการประปาเทศบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
กรมชลฯถกด่วนกปภ.-อุต5จว.อีสาน
ด้านนายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน เปิดเผยว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในภาคอีสานตอนกลางมีน้ำกักเก็บต่ำกว่าร้อยละ 30 เนื่องจากฝนที่ตกช่วงเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยถึงร้อยละ 30-40 ทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติน้อย ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาน้ำขาดแคลนในฤดูแล้งปี 62/63 สำนักงานชลประทานที่ 6 จึงเชิญการประปาส่วนภูมิภาคและภาคอุตสาหกรรม ในเขตความรับผิดชอบทั้ง 5 จังหวัดในภาคอีสานกลางกว่า 88 แห่งมาหารือ เพื่อวางมาตรการแก้ปัญหาร่วมกัน
เฝ้าระวัง7อ่างฯน้ำน้อยเร่งหาน้ำเติม
สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันพบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 69 แห่งมีน้ำดิบพอที่จะผลิตน้ำประปาได้ตลอดฤดูแล้งปี 62/63 แต่มี 7 อ่างฯ ที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังได้แก่ จ.ชัยภูมิ 1 แห่ง มหาสารคาม 2 แห่ง กาฬสินธุ์ 3 แห่ง และร้อยเอ็ด 1 แห่ง ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เร่งสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงลงสู่อ่างที่มีน้ำน้อยทั้ง 7 แล้ว อีกทั้ง ยังบูรณาการกับส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำได้ประสานงานกับการประปาส่วนภูมิภาคเจาะบ่อบาดาลไว้จ่ายเป็นน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค
นายศักดิ์ศิริกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์น้ำของภาคอีสานกลาง ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง มีน้ำเก็บกักรวมประมาณ 990 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 260 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 7 ของความจุรวม ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 69 แห่ง มีน้ำเก็บกักประมาณ 87 ล้าน ลบ.ม.เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 48 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุรวม และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 1,006 แห่ง มีน้ำเก็บกักประมาณ 85 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุรวม โดยวางแผนเพาะปลูกไว้ประมาณ 2.3 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้วประมาณ 2.2 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 96 ของแผนฯ
ลุ้นกย.ฝนชุกเติมน้ำเข้าอ่างฯเพิ่ม
จากการคาดการณ์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา ในเดือนกันยายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณฝนรวมใกล้เคียงค่าปกติประมาณ 220-300 มม. ถ้าฝนตกตามคาดการณ์จะส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าอ่างฯเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่า จะมีน้ำเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งที่จะมาถึง แต่การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ในอ่างฯขณะนี้ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อสำรองไว้สำหรับการอุปโภคบริโภคเท่านั้น
เหนือ-อีสานฝน70%กทม.40-60%
วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศตั้งแต่วันที่ 20-26 สิงหาคมระบุ ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
ทั้งนี้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนช่วงวันที่ 22 - 26 สิงหาคม มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนวันที่ 22 - 26 สิงหาคม มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่
ทุ่มงบฉุกเฉิน1.5หมื่นล.ช่วยปชช.
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.) กล่าวถึงการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เตรียมการแก้ปัญหาภัยเเล้งว่า ขณะนี้เรามีปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ 2 รูปแบบคือ ภัยแล้งและอุทกภัย ที่ประชุมจะบูรณาการการทำงานหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง เน้นลงไประดับพื้นที่ เรื่องน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำทำเกษตร รวมถึงการเตรียมรองรับหากเกิดอุทกภัย
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการงดเว้นค่าน้ำประปาเดือนสิงหาคมในพื้นที่ประสบภัยแล้งของจ.สุรินทร์ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่เก็บค่าน้ำในพื้นที่ เพราะน้ำประปาไม่มีประสิทธิภาพ เช่น น้ำขุ่น มีตะกอน และอีกประการคือ น้ำประปาไม่ไหลในบางพื้นที่ ซึ่งจะไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำประปา แต่ขณะนี้ทราบว่าในพื้นที่จ.สุรินทร์ใช้น้ำประปาอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ส่วนกรณีรัฐบาลเตรียมงบฉุกเฉิน 1.5 หมื่นล้านบาทช่วยเหลือประชาชน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมอนุมัติงบฉุกเฉินที่จะให้กับจังหวัดต่างๆ ไปใช้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม ส่วนความชัดเจนต้องรอพล.อ.ประยุทธ์ สั่งการนี่ประชุม ครม.อีกครั้ง แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่มีผลกระทบกับประชาชนโดยตรง และหากได้รับเงินมาในส่วนจังหวัดต่างๆ ต้องทำแผนงานและโครงการ โดยยึดแผนและโครงการที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากหากทำใหม่เกรงว่าจะไม่ทัน เพราะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเดือนกันยายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี