ช่วงนี้พรรคร่วมรัฐบาลต่างเร่งผลักดันงานต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่สัญญากับประชาชนไว้ตอนหาเสียง ที่ชัดเจนคือนโยบายกัญชาทางการแพทย์ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผลักดันให้มีการสกัดน้ำมันกัญชาสูตรแพทย์แผนไทย ที่มี อย. รับรอง นำมาใช้รักษาโรคได้ พร้อมทั้งจะมีการตั้งคลินิกกัญชา ขึ้นในโรงพยาบาลนำร่อง 19 แห่ง ซึ่งผู้ป่วยสามารถขอน้ำมันกัญชาไปรักษาโรคได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป.....สนุกละคราวนี้....
ไม่เพียงแต่หัวหน้าพรรคผลักดันเรื่องกัญชา ลูกพรรคอย่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ หญิงหนึ่งเดียว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ยังผลักดันเรื่องสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ยืนยันว่ายังไงก็ต้องยกเลิกการใช้ให้ได้ภายในปี 2562 ถ้าทำได้อยากจะทำให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ด้วยซ้ำ....มกราคม 2563 สารเคมีต้องหายไปจากประเทศไทย...วัยรุ่นใจร้อนจริงๆ......
รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา บอกว่า “เรื่องนี้ได้หารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว จะไม่อนุญาตสิ่งผิดๆ จึงต้องทำให้เด็ดขาด ความปลอดภัยชีวิตคนไม่มีอะไรทดแทนได้”
ท่านพูดราวกับว่ารัฐมนตรีคนก่อนๆ ที่บริหารกระทรวงเกษตรฯมาหลายสิบท่าน แถมยังข้าราชการประจำอีกไม่รู้เท่าไร ทำสิ่งที่ผิดๆ มาโดยตลอด และไม่เด็ดขาด จึงทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตเพราะสารเคมีเหล่านั้น..ท่านใช้ตรรกะแบบแปลกๆ...ที่สำคัญคือแทนที่จะปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ท่านทำงานอยู่ หรือหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีปลัดกระทรวง เป็นประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ท่านกลับหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร
รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา ไม่ใช่จะยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดนี้เท่านั้น ท่านบอกว่า ปุ๋ย ยา สารเคมีชนิดอื่น ๆ ก็จะยกเลิกให้เร็วที่สุดด้วย....มาถึงตรงนี้...ท่านคงไม่เหมาะสำหรับที่จะมาดูแลกระทรวงเกษตรฯ เสียแล้ว...โลกของท่านสวยงามเกินไป..ถ้าท่านมองว่าสารเคมี ปุ๋ยเคมี คือปัญหาที่ต้องทำให้หมดไปจาประเทศไทย.......การเกษตรในอดีต และในปัจจุบัน คงไม่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตประชากรไทย รวมทั้งตัวท่าน ครอบครัวของท่าน และประชากรโลกบางส่วนมาได้จนถึงทุกวันนี้...
ถ้าพรรคภูมิใจไทย ผลักดันการยกเลิกการใช้สารเคมี หรือทำให้สารเคมีหายไปจากประเทศไทยได้จริง...ประวัติศาสตร์การเกษตรคงเปิดหน้าจารึกผลงานนี้ไว้ให้เกษตรกรรุ่นหลังได้ศึกษา.....
ว่าด้วยเรื่องการผลักดันนโยบายของพรรค....พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่น้อยหน้า พยายามผลักดันนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าว จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวก้อย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ และ อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และเกษตรกร เคาะราคาไปแล้ว 3 พืช คือ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และ ข้าว
ยางพารา ชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย จะได้รับการชดเชยส่วนต่างราคาที่เกษตรกรขายได้ กับราคาประกันที่กำหนดในเบื้องต้น ยางแผ่นดิบรมควันชั้น 3กิโลกรัมละ 60 บาท ยางแผ่นดิบคุณภาพดี กิโลกรัมละ 58 บาท และน้ำยางสด กิโลกรัมละ 56.50 บาท โดยจะชดเชยให้เกษตรกรรายละไม่เกิน 25 ไร่ ทั้งนี้การยางแห่งประเทศไทยต้องไปทำการบ้านหาสูตรการคำนวณใหม่ มิเช่นนั้นอาจจะต้องใช้งบประมาณเฉพาะการนี้ถึง 3 หมื่นล้านบาท มากกว่า 3 พืชรวมกัน
ปาล์มน้ำมัน ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ประกันที่ราคากิโลกรัมละ 4 บาท โดยกำหนดให้เกษตรกรรายละไม่เกิน 25 ไร่ ส่วนต่างของราคาประกันกับราคาที่เกษตรกรขายได้ ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร ณ วันที่เกษตรกรนำมาขาย
ข้าวประกันรายได้ให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวหอมนอกพื้นที่ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวหอมปทุม ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน ราคาประกันดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) ก่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเสนอเข้า ครม. ให้ ครม. เห็นชอบก่อนเพราะการประกันรายได้ตามที่ว่ามานี้สำหรับ 3 พืช กระทรวงเกษตรฯ ตั้งวงเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ไว้เกือบ 2 หมื่นล้านบาท...
การผลักดันนโยบายที่ชัดๆ ก็เห็นจะมีแต่ 2 พรรคนี้ ส่วนพรรคที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจริงๆ คงมัวแต่เจรจาต่อรองกับพรรคเล็กพรรคน้อย หรือมัวแต่ตอบคำถามสื่อเรื่องถวายสัตย์ปฏิญญาณอยู่...เลยยังไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น...นอกจากไปกร่างผิดที่....ดูๆ แล้ว ท่าทางจะรอดไหมนี่...
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี