แถลงการณ์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ฉบับที่ 3/2562 เรื่อง ขอให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งปฏิรูปการศึกษาและทบทวนการดำเนินนโยบายโรงเรียนอีลิท (Elite)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เปิดเผยถึงแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฐพล ทีปสุวรรณ) ที่ประสงค์ให้มีการสร้าง "โรงเรียนอีลิท" (Elite) ขึ้นเพื่อเป็นไปตามข้อเสนอแนะของ กพฐ.ที่ต้องการให้มีการเปิดรับเฉพาะนักเรียนที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการโดยการสอบเข้า 100% เพื่อคัดกรองเด็กที่เรียนเก่งมีความเป็นเลิศเข้าเรียนโดยตรงนั้น
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ซึ่งผลักดันการพัฒนาประชาธิปไตยและการปฏิรูประบบการศึกษาที่เป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่องมีข้อห่วงกังวลต่อแนวคิดดังกล่าวอย่างมาก เนื่องจากเรื่องนี้ไม่เพียงแค่ขัดแย้งกับแนวนโยบายการปฏิรูปการศึกษาที่ภาคประชาสังคมขับเคลื่อนผลักดันมาโดยตลอดเพื่อพัฒนาการศึกษาที่รับใช้สังคมและเอาชุมชนเป็นศูนย์กลางการศึกษาโดยให้การศึกษาเป็นรัฐสวัสดิการเท่านั้น นโยบายดังกล่าวยังเป็นการเลือกปฏิบัติทางการศึกษาต่อพลเมือง ส่งเสริมความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขัดแย้งกับนโยบายรัฐสวัสดิการด้านการศึกษาที่รัฐควรสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวยังขัดแย้งกับแนวนโยบายที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช) ที่ได้กล่าวถึงนโยบายการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอีกด้วย
นอกจากนี้ ระบบการศึกษาในปัจจุบันมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างมาก ด้วยวิธีคิดของโรงเรียนที่มุ่งการสร้างเด็กให้เหมาะสมกับโรงเรียนโดยไม่เอาเด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับระบบการแข่งขันแบบ "แพ้คัดออก" มาโดยตลอด ซึ่งได้สร้างผู้พ่ายแพ้ในระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นแต่ความเป็นเลิศทางวิชาการมาอย่างต่อเนื่อง และผลิตคนเข้าสู่กลไกตลาดแรงงานที่ไม่มีคุณภาพ ให้ค่ากับผู้ชนะหรือผู้เป็นเลิศในระบบการศึกษาซึ่งเป็นจำนวนส่วนน้อยในสังคมเป็นหลัก แม้แต่ผู้ที่มีความเป็นเลิศในกิจกรรมนอกหลักสูตร (Extracurricular activities) ก็ไม่ได้รับโอกาสในการส่งเสริมทางสังคมเหมือนผู้มีความเป็นเลิศทางวิชาการ ซึ่งทำให้มีแต่ผู้พ่ายแพ้ในระบบการศึกษากระแสหลักจำนวนมาก เพียงเพราะระบบการศึกษาไม่ได้พัฒนาในสิ่งที่ตรงและเหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียนที่มีความแตกต่างหลากหลาย นอกจากนี้ระบบ “แพ้คัดออก” ยังได้ผลักเด็กจำนวนมากออกจากระบบการศึกษาและเข้าสู่วงจรด้านมืดของสังคมอีกด้วย
ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมาอย่างยาวนานยังขาดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมจากกระทรวงศึกษาธิการ แม้จะมีต้นแบบ (Model) นำเสนอจากภาคประชาสังคมและเครือข่ายการศึกษาทางเลือก ก็ยังไม่ได้รับการขยายผลต่ออย่างจริงจังโดยภาครัฐ ทั้งนี้ นโยบายโรงเรียนอีลิทเป็นเพียงแนวคิดที่ยิ่งขยายช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางสังคมออกไปอีก รวมถึงตอกย้ำและแบ่งแยกเยาวชนภายใต้ระบบการศึกษาที่ไม่เป็นธรรมต่อไปไม่รู้จบ
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการโปรดทบทวนนโยบายดังกล่าว และมุ่งหาทางออกเพื่อปฏิรูประบบการศึกษาอย่างจริงจัง สร้างรัฐสวัสดิการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียมกันทุกจังหวัด เน้นการศึกษาแบบองค์รวม และการให้การศึกษาทางการเมืองแก่พลเมือง (Civic Education) อย่างเต็มที่ โดยเน้นการศึกษาเรียนรู้โดยเอาชุมชนและเด็กเป็นศูนย์กลางท่ามกลางความหลากหลาย เลิกระบบการประเมินการสอนและการควบคุมที่ซ้ำซ้อนและไม่เป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียน เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาไทยที่เหมาะสมกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีความสนใจตามความถนัดของเยาวชน
การศึกษาของไทยต้องรองรับสังคมแห่งความแตกต่างหลากหลาย มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม ส่งเสริมความเสมอภาคในโอกาสแห่งการเรียนรู้ และทำให้ผู้เรียนทุกคนเติบโตอย่างมีความสุข มีความฉลาดทางอารมณ์ มีความภาคภูมิใจในตนเองและสังคม รวมถึงตระหนักถึงความสำคัญในฐานะหนึ่งในสมาชิกสังคมที่จะต้องส่วนร่วมเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี