ไปประชุมที่เมืองเว้ทั้งที ได้เล่าเรื่องที่เป็นงานเป็นการเกี่ยวกับการประชุมไปแล้ว ถ้าไม่พูดเรื่องอื่นๆ เสียเลยก็จะดูกระไรอยู่ เพราะเว้ เป็นเมืองที่สวยงาม สมเป็นเมืองหลวงเก่า และมีพระราชวังเป็นมรดกโลก และถ้าจะเทียบกับฮานอยที่เป็นเมืองหลวงปัจจุบันแล้ว เว้ดูสะอาด เป็นสัดเป็นส่วน มีฟุตบาทเรียบสวย ร้านรวงข้างทางสดใสสว่างไสว น่าเดินกว่ามากทีเดียว แต่ที่เว้และฮานอย รวมถึงเมืองอื่นๆ ในเวียดนามเหมือนกันแน่นอน คือ เดินบนฟุตบาท หรือถนนหนทาง สนามหญ้า สามารถเดินเชิดหน้าชูตาได้เต็มที่ ไม่ต้องก้มดูทางเดินด้วยกังวลว่าจะเหยียบก้อนอึหมา เซฟสุดๆ ครับ ที่นั่น เพราะระหว่างที่เดินไปไหนๆ ก็แล้วแต่ ไม่เห็นหมาจรจัดเดินเตร็ดเตร่แม้แต่ตัวเดียว
ช่วงบ่ายของการประชุมวันที่ 2 ซึ่งการประชุมเฉพาะประเทศอาเซียนเสร็จแล้ว ทางผู้จัดก็ได้จัดรถยนต์เป็นรถตู้ พร้อมเจ้าหน้าที่ Liaison หรือผู้ประสานงานที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้มาร่วมประชุมไว้ให้คันละ 1 คน สำหรับบริการอำนวยความสะดวกดูแลผู้มาประชุมเพื่อเดินทางไปชมพระราชวังเมืองเว้ มีรถยนต์อยู่ด้วยกันเกือบสิบคัน ซึ่งทีมงานแอปเตอร์รวมทั้งผมก็ได้เดินทางไปชมด้วย โดยนั่งรถตู้คันเดียวกับทีมจากประเทศเมียนมามีเจ้าหน้าที่ Liaison สาววัยรุ่น 1 คน นั่งไปด้วย ความจริงเมืองเว้และพระราชวังจักรพรรดิเวียดนามนี้ ผมเคยไปมาแล้ว เมื่อครั้งอบรม ก.พ. เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว สมัยนั้นด้วยความที่รัฐบาลมีเงินจำกัด ก.พ. เลยจัดให้ไปแบบประหยัดมากๆ คือ ไปทางบก โดยนั่งรถยนต์จากมุกดาหาร ผ่านประเทศสปป.ลาว เข้าเวียดนามเพื่อมาที่เมืองเว้ ต่อไปดานังและฮอยอันฉันรักเธอ ตอนที่ไปตอนนั้นแม้จะนั่งรถใช้เวลาเป็นวันๆ แต่ก็สนุกมาก เพราะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่เป็นร้อยๆ คน อีกทั้งสังขารก็ยังไม่แก่โรยร่วงเหมือนตอนนี้ครับ การไปชมพระราชวังเมืองเว้ครั้งนี้มีไกด์ชาวเวียดนามบรรยายด้วย เป็นสตรีวัยกลางคนแต่งชุดเอ๋าหญ่ายซึ่งเป็นชุดประจำชาติ พูดอังกฤษได้ค่อนข้างคล่องเชียว เธอบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และชีวิตความเป็นอยู่จักรพรรดิองค์ต่างๆ จนกระทั่งองค์สุดท้ายของเวียดนาม หรือจักรพรรดิเบ๋าได๋ ฟังแล้วก็คล้ายๆ กับจักรพรรดิปูยีจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีน มีอำนาจล้นพ้นสั่งอะไรได้หมด แต่ขณะเดียวกันชีวิตก็ถูกจำกัดด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่สามารถจะเลือกทำอะไรได้เช่นเสรีชนโดยทั่วไป แม้แต่การจะออกจากพระราชวังไปยลโฉมโลกภายนอกก็ยังทำไม่ได้เช่นในกรณีของจักพรรดิปูยี ซึ่งแทบไม่ต่างจากการถูกจองจำในที่คุมขัง ไกด์สาธยายต่อไปว่า จักรพรรดิเวียดนามบางองค์มีนางสนมถึง 500 คน วันๆ ต้องนอนกับสนมถึง 6 คน ถามว่า แล้วอย่างนี้จะเอาเวลาหรือพละกำลังที่ไหน ไปบริหารราชการแผ่นดิน จึงต้องเสาะแสวงหายาดีบำรุงกำลังจากทั่วสารทิศเพื่อทำให้ร่างกายกำยำแข็งแรง ผมไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์กันแน่ แต่เท่าที่ฟังจากไกด์สาวเล่ามา จักรพรรดิ์พวกที่มีสนมเป็นร้อยมักอยู่ปกครองบ้านเมืองได้นานสงบสุขดี แต่จักรพรรดิเบ๋าได๋เป็นคนรุ่นใหม่ เรียนจบฝรั่งเศส เลยทำตัวทันสมัย มีมเหสีเพียงคนเดียว แต่กลับครองเมืองอยู่ได้แป๊บเดียว ถูกล้มราชบัลลังก์ไปในที่สุด ไกด์เลยแนะเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ไปชมปัจจุบันว่า ควรจะเอาทางเลือกไหนเป็นแบบอย่าง
การไปชมพระราชวังเมืองเว้อันกว้างใหญ่และสวยงาม จบลงที่คณะเราทั้งหมดพากันมาขึ้นรถตู้คันเดิมที่เจ้าภาพเวียดนามจัดให้ ปรากฏว่ารถยนต์คันที่พวกเรานั่ง ผู้โดยสารทุกคนนั่งกันในรถพร้อมแล้ว แต่กลับไม่เห็นเจ้าหน้าที่ Liaison สาวคนนั้น รออยู่สักพักก็มีโทรศัพท์โทร.มาถามโชเฟอร์ ว่าในรถเรามีคนโดยสารอยู่บ้างไหม เพราะเจ้าหน้าที่ Liaison ประจำรถยนต์ตามหาตัวอยู่ พวกเราเลยตอบไปว่า ผู้โดยสารทุกคนรออยู่ในรถพร้อมแล้ว ขาดแต่เรซองคนเดียวเท่านั้น รถยนต์เลยยังออกเดินทางไม่ได้สักที รถคันอื่นเขาออกเดินทางกลับโรงแรมกันไปหมดแล้วจ้า
วันสุดท้ายของการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสการเกษตรฯ ทางเวียดนามจัดให้มีการศึกษาดูงาน แต่คณะแอปเตอร์เราไม่อยู่ดู เช้าวันนั้นก็ขออนุญาตเดินทางกลับก่อน คณะเราเดินทางย้อนศรกลับเส้นทางเดิม แต่ต้องมารอเครื่องกลับกรุงเทพฯ ที่สนามบินโฮจิมินห์ อยู่หลายชั่วโมง หาร้านอาหารกินมื้อกลางวันแก่ๆ เป็นร้านขายอาหารหลักของเขา คือ “เฝ๋อ” ภาษาอังกฤษเขียนว่า PHO กินกันคนละชามส่งท้าย เพื่อจะได้จดจำรำลึกไว้ตราบนานเท่านาน ว่าอยู่ที่เวียดนามนั้น ทุกเช้าสายบ่ายเย็นมีเฝ๋อให้กินอยู่ตลอดในทุกที่และทุกเวลาครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี