แก้แล้งซ้ำซาก!‘เฉลิมชัย’ลุยผุด‘34แก้มลิง’สองฝั่งลำน้ำชี ตั้งเป้า2ปีเพิ่มพื้นที่เก็บน้ำทั่วประเทศ
28 สิงหาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำระบบแก้มลิงแก่งน้ำต้อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมรับฟังบรรยายสรุปแนวทางการพัฒนาโครงการฯ ณ วัดสายราษฎร์บำรุง บ้านป่าเหลื่อม ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า โครงการพัฒนาแก่งน้ำต้อนเป็นโครงการแก้มลิงขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาแก้มลิง 2 ฝั่งลำน้ำชี จากทั้งหมด 34 โครงการ ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2539 มีพื้นที่หนองประมาณ 6,196 ไร่ ความจุประมาณ 7.431 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ สภาพปัจจุบันตื้นเขิน ในช่วงฤดูน้ำหลากเกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณรอบหนอง ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ จึงทำให้ชาวบ้าน 7 ตำบล 3 อำเภอ 33,877 คน พื้นที่การเกษตรโดยรอบกว่า 40,000 ไร่ ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร
กรมชลประทานจึงเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2543 วัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำช่วยเหลือสนับสนุนการเพาะปลูกในเขตพื้นที่การเกษตร สำหรับอุปโภค-บริโภค ช่วยกักเก็บน้ำจากลำน้ำชีเมื่อประสบปัญหาฤดูน้ำหลาก และเพื่อยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยมีแผนงานก่อสร้างโครงการพัฒนาแก้มลิงแก่งน้ำต้อน (ระยะที่ 1) 4 ปี 2563-2566 รวมงบประมาณ 950 ล้านบาท หากดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนหรือฤดูน้ำหลาก และการขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตรในช่วงฤดูแล้งได้ 40,000 ไร่ รวมทั้งสามารถเพิ่มปริมาณการเก็บกักจากเดิม 7.431 ล้าน ลบ.ม. เป็น 41.304 ล้าน ลบ.ม.และคาดว่าจะสามารถเพิ่มได้ถึง 100 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณ 20 ล้าน ลบ.ม.
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีภารกิจดูแลเกษตรกร จึงได้มีการเน้นให้เตรียมมาตรการระยะยาว เพื่อช่วยเหลือ ประชาชน อาทิ การเก็บกักน้ำเพิ่มกรณีฝนตก ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วงได้ รวมถึงการขุดลอกแหล่งน้ำ โดยต้องเตรียมหาพื้นที่เก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ทั้งอ่างขนาดเล็ก แก้มลิง เป็นต้น รวมถึงพื้นที่หลังเขื่อน ให้สร้างฝายเพิ่มน้ำ สร้างความชุ่มชื้นให้ป่าสมบูรณ์ ภายใน 1-2 ปี จะต้องเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด สำหรับพื้นที่ที่เสียหายไปแล้ว ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งสำรวจข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง เพื่อชดเชยและเยียวยาความเสียหาย พร้อมทั้งหามาตรการในการช่วยเหลือ อาทิ การปลูกพืชใช้น้ำน้อย
จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาช่วงเวลานี้มีลมมรสุมพัดผ่าน ทำให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้พื้นที่ที่ประสบภัยแล้งเริ่มผ่านวิกฤติไปได้แล้ว ขณะนี้จึงต้องมาดูว่าในแต่ละเขื่อนมีน้ำต้นทุนเท่าไร รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กมีน้ำเก็บกักเพียงพอไว้ใช้ในหน้าแล้งหรือไม่ หากมีการเตรียมการและบริหารจัดการน้ำที่ดี เชื่อมั่นว่าจะมีน้ำเพียงพออุปโภค-บริโภค และการเกษตร
///
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี