‘ตม.1’ไล่ตะครุบสมาชิก‘แก๊งโรแมนซ์สแกม’ ร่วมตุ๋นเหยื่อ 17 ล้านบาท ตีเนียน‘ขับแท็กซี่-ขายข้าวแกง’บังหน้า หนีหมายจับกว่า 4 ปี
30 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ , พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล , พ.ต.อ.ประเสริฐ วิจิตรทัศนา รอง ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.อก.สตม. ปฏิบัติราชการ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวน ร่วมแถลงผลการจับกุมนายสุชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2314/2558 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558
ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอม ใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน, ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือหลอกรักออนไลน์ “โรแมนซ์สแกม”
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 และ บก.ปอท. พบว่า ผู้เสียหายในคดีนี้ คือ นางสุภา ได้รู้จักกับคนร้าย คือ นายเคเน่ ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยการส่งข้อความหากันเป็นภาษาอังกฤษทางกล่องข้อความของเฟซบุ๊ก นายเคเน่ได้ส่งข้อความหลอกลวงผู้เสียหายว่าขณะที่บิดามาทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และได้เสียชีวิต บิดาจะได้รับเงินจากการทำงาน 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ นายเคเน่ได้ยื่นเรื่องต่อศาลที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก จนชนะคดีแล้ว รัฐบาลมาเลเซียได้ส่งเอกสารมาให้เพื่อไปรับเช็คเงินจำนวนดังกล่าวที่ประเทศมาเลเซีย นายเคเน่ บอกกับผู้เสียหายว่าถ้าได้เช็คเงินดังกล่าวแล้วจะพาครอบครัวมาลงทุน และอยู่กับผู้เสียหายในประเทศไทย
ต่อมานายเคเน่ ได้แนะนำให้ผู้เสียหายรู้จักกับนางตะวันนา ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อกับนางตะวันนา จนสนิทสนมและเชื่อใจ นายเคเน่จึงได้ร่วมกับนางตะวันนา ส่งข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงให้ผู้เสียหายช่วยเหลือเรื่องเงินในการดำเนินการต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนางตะวันนา
จากนั้นนายเคเน่ ได้ส่งข้อความเฟซบุ๊กหลอกลวงขอให้ผู้เสียหายช่วยเหลือเงินค่าดำเนินการอื่นๆอีก เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินให้กับคนร้าย โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในชื่อของ นายสุชาติ , นางบุญช่วง , นางจิตรา และนางศิวพร รวมแล้วผู้เสียหายได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา กับพวกทั้งหมดรวม 8 บัญชี รวมจำนวน 28 ครั้ง เป็นเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 17,516,178 บาท
ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมสมาชิกแก๊งนี้ได้แล้ว 3 ราย คือ 1.นางตะวันนา 2.นางบุญช่วง และ 3.นางสาวศิวพร และถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่จากการประสานและตรวจสอบข้อมูลทำให้ทราบว่านายสุชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกในแก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว ที่ทางการต้องการตัว และติดตามจับกุมตัวยังไม่ได้ ตั้งแต่ปี 2558 ได้หลบเข้ามาพักอาศัยอยู่กับพี่สาวที่อพาร์ตเม้นท์แถวคลองตัน กรุงเทพฯ โดยขณะที่พักอยู่ก็ทำตัวเรียบง่ายไม่ให้เป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ ทำทีเป็นช่วยพี่สาวขายข้าวแกง และขับรถแท็กซี่รับจ้างทั่วไป
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้พยายามรวบรวมข้อมูลและแฝงตัวเข้าไปตรวจสอบ จนทราบแน่ชัด พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับ จึงได้แสดงตัวและเข้าทำการจับกุม จากการตรวจสอบพบว่านายสุชาติ มีทรัพย์สินมีค่าจำนวนหนึ่ง มีสร้อยคอทองคำ มีรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน ซึ่งไม่น่าจะได้มาจากการประกอบอาชีพดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมและส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ปอท.ดำเนินคดี โดยการก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้เป็นการหลอกลวงทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคนร้ายส่วนใหญ่จะกระทำเป็นขบวนการในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี