เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในร่มชายคาพระพิรุณเกิดการเปลี่ยนแปลงลอตใหญ่ เมื่อ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1. นายวราวุธ ชูธรรมธัช ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 2. นางอุมาพร พิมลบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 3. นายพิศาล พงศาพิชณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 4. นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 5. นายสุดสาคร ภัทรกุลนิษฐ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการข้าว 6. นายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมประมง 7. นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งนับว่าการโยกย้ายครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสำคัญที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรมว.เกษตรฯ ได้แต่งตั้งไว้ เพื่อเปิดทางข้าราชการใกล้ชิดขัั้วอำนาจใหม่ขึ้นตำแหน่งใหญ่ขึ้น และยังมีกระแสข่าวอีกว่าอาจจะมีการโยกย้ายล๊อตที่ 2 ในเร็วๆ นี้อีกด้วย คงต้องติดตามกันต่อไปว่าใครจะติดโผรอบหน้าบ้าง ขุนเกษตรา ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับตำแหน่งใหม่ในครั้งนี้ด้วยครับ
การขึ้นทะเบียนเกษตรกรถือเป็นหน้าที่ที่เกษตรกรทุกคนควรถือปฏิบัติ โดยเกษตรกรต้องแจ้งความประสงค์ขอปรับปรุงข้อมูลการทำการเกษตร หรือขึ้นทะเบียนใหม่ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง ตามที่ตั้งแปลงปลูกพืชของตัวเอง ที่สำคัญเกษตรกรจะต้องปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ตามกรอบระยะเวลาการปลูกพืช ซึ่งโดยปกติจะปรับปรุงหลังจากการปลูกไม่น้อยกว่า 15 – 60 วัน ตามแต่ละชนิดพืช และหากเกษตรกรไม่มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี
(นับถัดจากวันที่ 23 มิ.ย 2560 ถึง วันที่ 22 มิถุนายน 2563) ก็จะสิ้นสถานภาพการเป็นเกษตรกรทันที ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาล โดยขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้พัฒนาและนำเครื่องมือ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับปรุงวิธีการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวกมากขึ้น เช่น การจัดทำ Application FARMBOOK หรือ สมุดทะเบียนเกษตรกรดิจิทัล ซึ่งจะช่วยลดภาระในการเดินทางของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลได้ โดย แอพฯ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถแจ้งปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนได้ด้วยตนเอง ผ่าน Smart Phone และสามารถติดตามสิทธิ์โครงการช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมถึงให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนพัฒนาการผลิตและการตลาดของสินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน สามารถดาวน์โหลด Android และ iOS และเริ่มใช้งานผ่านระบบด้วยการใช้เลขที่ในทะเบียนเกษตรกร หรือหมายเลขโทรศัพท์ ที่ใช้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ นอกจากนั้นยังมี Application FAARMis สำหรับเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลออกให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรนอกสถานที่โดยสามารถขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ทั้งเกษตรกรรายใหม่ และเกษตรกรรายเดิม ซึ่งการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการใช้ประโยชน์จากทะเบียนเกษตรกร ถือเป็นข้อมูลหลักสำหรับการทำงานของกรม ที่จะช่วยตอบโจทย์โครงการต่างๆ ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการเชื่อมโยงไปสู่ระบบของหน่วยงานอื่น รวมทั้งที่มีหน่วยงานต่างๆ ขอใช้ประโยชน์จากข้อมูลขึ้นทะเบียนเกษตรกร
เมื่อเร็วๆนี้ นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรม เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการสัมมนาแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบบูรณาการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยมีนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการและมอบนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ โรงเรียนอนุบาลเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ยังได้เป็นวิทยากรอภิปรายในหัวข้อ “แนวทางการบูรณาการปฏิบัติงานของหน่วยงาน” อีกด้วย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จัดโดยกรม
ส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อบูรณาการงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับส่งเสริมและพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทของภาคเกษตรในประเทศไทย และกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับขบวนการสหกรณ์และสถาบันเกษตรกร เป็นผู้ดำเนินการสอบบัญชีให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาสถาบันเกษตรกรที่ยังไม่สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ ร่วมกับครูบัญชีอาสา สอนบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรอีกนับแสนราย ซึ่งการให้ความรู้ทางบัญชีแก่ขบวนการสหกรณ์เป็นนโยบายที่นายโอภาส ทองยงค์ ได้ให้ความสำคัญมาตลอด เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต สหกรณ์และเกษตรกรสมาชิกต้องเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สหกรณ์มีปัญหาและจะทำให้สหกรณ์เข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี