อุตุเตือนรับมือโซนร้อน
อีสานวิกฤติซํ้ำ
โพดุลทิ้งทวน9จว.ตาย5
ปิดโรงเรียนยาว159แห่ง
ระดมช่วยรร.คนตาบอด
กรมชลฯพร่องน้ำเก่ารอ
อุตุฯเตือนพายุลูกใหม่เพิ่มกำลังเป็นโซนร้อน กระทบไทยถึง 4 กันยายน ห่วงอีสานหนักอีกระลอกเกือบทั้งภาค ก่อนถึงเหนือ-ตะวันออก กทม.ไม่รอด ปภ.สรุป 9 จว.ยังท่วมหลังโพดุลทิ้งทวน ตายเพิ่มเป็น 5 ปิด 159 โรงเรียน หลายจังหวัดอีสานไม่พ้นวิกฤติ ฝนกระหน่ำน้ำท่วมสูงอีกรอบ เร่งช่วย รร.คนตาบอดขอนแก่นจมน้ำกว่า 1 เมตร กษ.จี้กรมชลฯเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมงเร่งระบายน้ำเก่ารองรับน้ำใหม่ เหนือสาหัสไม่แพ้กัน
เมื่อวันที่ 2 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนเรื่องพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีผลกระทบจนถึงวันที่ 4 กันยายนว่า เวลา 16.00 น.วันนี้ พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณใกล้เกาะไหหลำ ประเทศจีน อยู่ห่างประมาณ 260 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม พายุเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (พายุโซนร้อน) ในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำ ประเทศจีน และประเทศเวียดนามตอนบนควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย
จับตาพายุลูกใหม่อีสานอ่วมอีก
ทั้งนี้ พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ภาคเหนือ ที่จ.เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง ที่จ.ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกที่จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ที่จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนงดออกจากฝั่ง
เพิ่มกำลังแรงเป็นโซนร้อนคาจิกิ
ด้านนายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวถึงพายุลูกใหม่ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยต่อเนื่องจากพายุโพดุลว่า พายุลูกใหม่นี้เริ่มมาจากหย่อมความกดอากาศต่ำในประเทศฟิลิปปินส์ ศูนย์กลางดีเปรสชันอยู่ที่เกาะไหหลำ ประเทศจีน มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งประเทศเวียดนาม คาดว่าจะมีกำลังแรงขึ้น ระดับ 3 ในวันนี้ ซึ่งจะได้ชื่อว่าพายุ “คาจิกิ” แม้ศูนย์กลางพายุไม่พัดผ่านประเทศไทย แต่อิทธิพลของพายุจะส่งผลกระทบกับประเทศไทย โดยวันที่ 3 กันยายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบหนักสุดเกือบทั่วทั้งภาค นอกจากนี้ ยังมีภาคเหนือบางส่วน ภาคตะวันออกแถบจังหวัดระยองจันทบุรี ตราดและกระทบถึงกรุงเทพมหานคร อีกทั้ง ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่วนวันที่ 4 กันยายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงได้รับผลกระทบ แต่เบาบางลง ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และจังหวัดกาญจนบุรี
ห่วงอีสานฝนถล่มซ้ำ-กระทบไทยถึง5กย.
“อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเพิ่งได้รับผล กระทบจากพายุโพดุล อาจส่งผลต่อการระบายน้ำ แต่ยืนยันว่าระดับฝนที่ ตก จะอยู่ในราว 80-110 มิลลิเมตร ไม่รุนแรงเท่าพายุโพดุล และจากภาพ ถ่ายดาวเทียมร่วมกับการวิเคราะห์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่าพายุนี้จะไม่เข้าไทย แต่เป็นไปได้ว่าจะเคลื่อนที่ไปด้านบนทางเกาะกวางตุ้งเหนือเกาะไหหลำ ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจนจากพายุนี้จนถึงวันที่ 5 กันยายน ทั้งนี้ ตลอดเดือนกันยายน ประเทศไทยยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากพายุอีก เนื่องจากพายุจะเกิดขึ้นมากช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูมรสุม
ปภ.สรุปโพดุลทิ้งทวนอ่วม9จว.ตาย5
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (มท.) แถลงสรุปสถานการณ์พายุโซนร้อน “โพดุล” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ เกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 26 จังหวัด รวม 82 อำเภอ 228 ตำบล 784 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,857 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ที่จ.อุบลราชธานี พิจิตร พิษณุโลก อำนาจเจริญ ขอนแก่น ผู้บาดเจ็บ 1 คน ที่จ.ชัยภูมิ ผู้สูญหาย 2 ราย ที่จ.อำนาจเจริญ พิจิตร ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ มุกดาหาร ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด อพยพประชาชน 621 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด (ขอนแก่น น่าน อำนาจเจริญ)
พิษโพดุลปิดเรียน159โรงเรียน
ด้านนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.)เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สั่งให้สถานศึกษาในสังกัดติดตามข้อมูลสภาพอากาศผ่านเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา และ รายงานสถานการณ์ให้ สพฐ.รับทราบ โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว 7 จังหวัด ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จ.มหาสารคาม จ.ยโสธร จ.ร้อยเอ็ด จ.พิจิตร และ จ.พะเยา โดยล่าสุดได้รับรายงานว่า มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมด 17 เขตได้รับผลกระทบ มีสถานศึกษาที่ปิดการเรียนการสอนแล้ว 159 โรง มีนักเรียนได้รับผลกระทบ 474 คน ซึงทางกระทรวงศึกษาธิการ และสพฐ.พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่
สั่งเยียวยาครอบครัวหนุ่มถูกไฟช็อตดับ
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีนายสราวุธ จันโทแพง อายุ 20 ปี ชาว อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต ขณะเข้าไปช่วยเพื่อนบ้านขนของหนีน้ำท่วมเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และแสดงความชื่นชมนายสราวุธว่า เป็นผู้ที่มีน้ำใจและเสียสละ จนตัวเองต้องแลกด้วยชีวิต เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของนายสราวุธเต็มที่ และกำชับให้จังหวัดลงพื้นที่ไปดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจของครอบครัวและชาวบ้านด้วย เบื้องต้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ และมอบเงินให้ครอบครัวนายสราวุธ จำนวน 500,000 บาท นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีฝากเตือนประชาชนให้ระวัง โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้าเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ส่วนเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งเตือนหรือตัดไฟตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ตลอดจนกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง อาคารบ้านเรือน ถนน ระบบไฟฟ้า ประปา พื้นที่การเกษตร ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
สั่งกรมชลฯพร่องน้ำเฝ้าระวังท่วมซ้ำ
เช่นเดียวกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯเผยว่า สั่งการทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกรมชลประทานทั้ง 17 สำนักงานชลประทานทั่วประเทศ รับมือพายุดีเปรสชั่นที่จะขึ้นเกาะไหหลำ ของจีน และเคลื่อนมาเวียดนาม ส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 4 กันยายนนี้ ทำให้มีฝนตกหนักภาคอีสานและภาคเหนือ โดยกำชับให้เฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษในส่วนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจากพายุโพดุล อยู่แล้วจะเกิดอุทกภัยซ้ำได้ จึงสั่งกรมชลประทาน เร่งนำเครื่องมือ เครื่องจักร ออกมาทั้งหมดเพื่อระบายน้ำท่วมให้ไวที่สุด พร้อมเปิดทางน้ำทำทำนบกั้นน้ำ ไม่ให้ท่วมซ้ำพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ในส่วนตัวเมือง ประสาน กระทรวงมหาดไทย สูบน้ำออกจากตัวชุมชน ขณะนี้ระดมเครื่องมือเคลียร์ทางน้ำ เปิดทางน้ำให้ไหลสะดวก เร่งระบายได้เร็วช่วยลดความเสียหายได้
ขอนแก่นยังจมเร่งช่วยรร.คนตาบอด
สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วมหลายพื้นที่โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังน่าเป็นห่วง แม้พายุโพดุลจะสลายตัวไปแล้ว แต่มีพายุลูกใหม่เกิดขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักน้ำท่วมยังต่อเนื่อง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และอีกหลายพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง โดยจ.ขอนแก่น ยังมีฝนตกหลายพื้นที่ทำให้มีน้ำท่วมขัง และระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในเขตเทศบาลนครขอนแก่นและเขต ต.บ้านเป็ด โดยเฉพาะที่โรงเรียนการศึกษาพิเศษคนตาบอดขอนแก่น ที่ระดับน้ำได้ท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถยนต์สัญจรไม่ได้ จึงต้องสั่งปิดโรงเรียน เจ้าหน้าที่ต้องนำเรือท้องแบนมาลำเลียงประชาชนและนักเรียน รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่โดยรอบไปอยู่ในจุดปลอดภัย พร้อมนำกระสอบทรายมากั้นและติดตั้งเครื่องสูบน้ำออก นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า น้ำที่ท่วมหนักในเขตเมืองขอนแก่น เกิดจากฝนตกหนักปริมาณมากที่สุดในประเทศเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา วัดได้ 166 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำท่วมขังในเขตอ.เมือง โดยเฉพาะเขตบ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด ได้เร่งระบายน้ำลงบึงหนองโคตรแล้ว ซึ่งยังรับน้ำได้กว่า 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ถ้า 3 วันนี้ไม่มีฝนตกลงมาสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณถนนมะลิวัลย์ และชุมชนรอบโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดจะเข้าสู่ภาวะปกติ
กาฬสินธุ์อ่วมเจอฝนถล่มซ้ำ
เช่นเดียวกับ จ.กาฬสินธุ์ ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันบ้านเรือนประชาชนเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์มากกว่า 1,500 หลังคาเรือนเป็นวันที่ 4 และตลอดทั้งวันนี้ ยังคงมีฝนตกหนักซ้ำลงมาอีก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ซึ่งมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างมากถึง 61 ล้าน ลบ.ม.ทำให้ปริมาณน้ำปัจจุบันอยู่ที่ 948 ล้าน ลบ.ม.จากความจุ 1,980 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 47% ยังรับน้ำได้อีกกว่า 1,000 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลตั้งเครื่องระบายน้ำเร่งสูบน้ำออก สำหรับสถานการณ์ของอ่างเก็บน้ำห้วยสีทน ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่ตั้งอยู่เขต อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดน้ำท่วม ปริมาณน้ำยังล้นอาคารระบายน้ำ และทางโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ยังคงติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่หลายเครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากอ่างลงสู่แก่งดอนกลาง ซึ่งยังส่งผลกระทบทำให้ประชาชนภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ 10 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนกว่า 1,500 ครัวเรือนถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง และขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีฝนตกลงมาซ้ำอีกตลอดทั้งคืนทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก โดยระดับน้ำหลายจุดยังท่วมสูง และทรงตัว
อำนาจเจริญฝนซ้ำสลับลมแรงปิดรร.ต่อ
ที่จ.อำนาจเจริญ พายุดีเปรสชั่นระดับ 2 พัดเข้าสู่พื้นที่ ทำให้ฝนตกอย่างหนัก สลับ ลมกระโชกแรงตลอดเวลา ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมจากพายุโพดุลก่อนหน้านี้ ที่ใกล้คลี่คลายกลับทำให้ระดับน้ำท่วมถนน บ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรช้ำอีกครั้ง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะถนนสายหลักอำนาจเจริญ – ยโสธรไปกทม. สะพานลำเซบาย น้ำท่วมสูงขึ้นจึงต้องปิดการจราจรอีกครั้ง ส่วนโรงเรียนมัธยมชานุมานวิทยาคม สั่งหยุดเรียนต่อวันที่ 4 เพราะน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร ตลอดทั้งวันเมฆฝนครึ้มปกคลุมทั่วงจังหวัด
พบศพลุงจมน้ำดับขณะออกหาปลา
วันเดียวกัน ร.ต.อ.สุชาติ บุญชุบ ร้อยเวร สภ.หัวตะพาน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ รับแจ้งพบคนจมน้ำเสียชีวิต บริเวณสะพานหนองแสง ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนามีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ พบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายมนัส ลุนสิน อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 2 ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน สภาพศพ นอนคว่ำหน้า อยู่ในน้ำ ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย เสียชีวิตประมาณ 1 วัน สอบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 1 กันยายน นายมนัสออกไปหาปลาที่หนองแสง ที่มีน้ำไหลเชี่ยวและหายตัวไป ครอบครัวออกตามหาแต่ไม่พบ จึงประสานกู้ภัยช่วยติดตามตัว จนมาพบศพวันนี้ เชื่อว่าระหว่างหาปลาอาจเป็นตะคริวจึงถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวซัดจมน้ำเสียชีวิต
ลำปางร้อยครัวเรือนย้ายของหนีน้ำป่า
อีกด้านหนึ่งหลายจังหวัดในภาคเหนือ ได้รับอิทธิพลจากฝนตกหนักน้ำป่าทะลักท่วม และเกิดดินโคลนถล่มหนักไม่แพ้ภาคอีสาน ที่จ.ลำปาง ระดับน้ำยังท่วมขังบ้านเรือนชาวบ้านวังชัยพัฒนา หมู่ 16 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ครัวเรือน ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร โดยเหตุการณ์น้ำป่าเอ่อทะลักเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 1 กันยายน 2562 หลังฝนตกนักนานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้น้ำบนภูเขาไหลรวมกันลงสู่ลำห้วยแม่ช่อฟ้าผ่านหมู่บ้าน เอ่อทะลักอย่างรวดเร็ว หลายครอบครัวขนย้ายสิ่งของหนีไม่ทัน ต้องปล่อยให้ทรัพย์สินจมน้ำเสียหาย
พิจิตรหนักสุดรอบ30ปีรร.จมปิด2วัน
ที่ จ.พิจิตร ฝนตกหนักบริเวณเทือกเขาเนินมะปราง จ.พิษณุโลก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลบ่าลงมา ในคลองสากเหล็กจนเอ่อล้นท่วมชุมชน ในเขตเทศบาลตำบลสากเหล็กสูง 50-60 เซนติเมตร นอกจากนั้น น้ำยังทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน ในชุมชนเทศบาลสากเหล็กมากกว่า 100 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูง 70-80 เซนติเมตร ขณะที่โรงเรียนอนุบาลตำบลสากเหล็ก ถูกน้ำท่วมสูงในโรงเรียนจึงต้องสั่งปิดเรียน 2 วัน นอกจากนี้ น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ยังทะลักท่วมหลายพื้นที่ในจ.พิจิตรต่อเนื่อง ถนนหลายสายมีน้ำท่วม ที่อ.วังทรายบ้านเรือน 104 หลังคาเรือนน้ำท่วมสูง 1 เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี