ตั้งแต่เข้ามาร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยก็เร่งงานซึ่งเป็นนโยบายที่ชูไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ที่โดดเด่นสุดคงไม่พ้น “กัญชา” แม้วันแรกที่เข้าไปทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อ 18 กรกฎาคม 2562 ขณะที่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ยังเกริ่นเรื่องกัญชาไว้อย่างมาดมั่นว่า
อยากให้มั่นใจว่ากัญชา และกัญชงมีประโยชน์หาก อย. ดำเนินการเพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ทั้งกัญชาและกัญชง ไม่เพียงแต่รักษาโรค แต่ยังช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจอีกด้วย และย้ำว่า ทั้งตนเองและรัฐมนตรีช่วยฯ (สาธิต ปิตุเตชะ) ไม่มีเจตนาแฝงใดๆทั้งสิ้น
รัฐมนตรีฯ อนุทิน ยังยืนยันด้วยว่าจะเร่งรัดให้กัญชามาอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยจะนำกัญชามาใช้เสรีทางการแพทย์การสร้างนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งกัญชาไม่ใช่แค่เรื่องของกระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นวาระเร่งด่วน พร้อมย้ำว่า กัญชา ต้องมีการควบคุมการใช้ อย่าให้คนที่ไม่ควรได้ใช้ไปหยิบฉวยอย่างสะดวกเสรี อย่าไปมองเป็นกัญชาให้มองที่สาร CBD และTHC เป็นสำคัญ
เข้าทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข แก้ไขประกาศกระทรวง ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ คนก่อนหน้า คือ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ลงนามไว้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2562
สาระสำคัญของประกาศ คือลักษณะของตำรับยาที่มีกัญชาผสมอยู่ อนุญาตให้เสพเพื่อรักษาโรค หรือศึกษาวิจัยได้ มีระบุไว้ในข้อ 5 ว่า ตำรับยาที่หมอพื้นบ้านปรุงขึ้นจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่ชัดเจน และได้รับการรับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทั้งนี้วัตถุดิบจากกัญชาต้องไม่สามารถแยกเป็นช่อดอก ใบ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
รัฐมนตรีฯ อนุทิน ออกประกาศใหม่ ให้ยกเลิกความในข้อนี้ และใช้ข้อความต่อไปนี้แทน คือ“ข้อ 5 ตำรับยาที่ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทยปรุงขึ้นจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่ชัดเจน และได้รับการรับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก” ตัดข้อความวรรคท้ายตั้งแต่ “ทั้งนี้........” ออก
ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม 2562 มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกมาอีก 1 ฉบับ เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2562 ประกาศฉบับนี้ให้ยกเลิกชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ลำดับที่ 1 ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 พ.ศ. 2561
ประกาศของปี พ.ศ. 2561 มีบัญชีท้ายประกาศ ระบุชื่อยาเสพให้โทษติดประเภทที่ 5 คือ กัญชา (ซึ่งระบุเงื่อนไขว่า เป็นพืชในสกุล Cannabisทั้งนี้ให้หมายความรวมถึง ทุกส่วนของกัญชา เช่น ใบ ดอก ยอด ผล ลำต้น วัตถุหรือสารต่างๆ ที่มีอยู่ในพืชกัญชา เช่น ยาง น้ำมัน) พืชกระท่อม พืชฝิ่น และเห็ดขี้ควาย แต่ประกาศของปี 2562 มีแก้ไขบัญชีแนบท้ายประกาศ โดยเพิ่ม กัญชง (hemp) ขึ้นมาอีกชนิดหนึ่ง และกำหนดเงื่อนไข กัญชาละเอียดขึ้น โดยยกเว้นสาร CBD ที่สกัดจากกัญชาความบริสุทธิ์ 99% มีปริมาณสาร THC 0.01% โดยน้ำหนัก หรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากกัญชา เปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง
และผลิตภัณฑ์จากส่วนแห้งเหล่านี้ ไม่ถือเป็นยาเสพติด
ในส่วนของกัญชง ก็ระบุเงื่อนไขเช่นเดียวกับกัญชา คือ สารสกัด ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชงสารสกัดจากเมล็ดกัญชง เปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้ง และ ผลิตภัณฑ์จากส่วนที่แห้งเหล่านี้ ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ได้ระบุอัตราส่วนความบริสุทธิ์ของสาร CBD และส่วนผสมของ THC เช่นเดียวกับกัญชา
ข่าวนี้ออกไปไม่ทันไร ชาวบ้านต่างเข้าใจว่ารัฐมนตรีฯ อนุทิน ปลอดล็อกกัญชาออกจาก พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษได้แล้ว ต่อแต่นี้ไปทั้งกัญชา และ กัญชง เป็นพืชถูกกฎหมาย ปลูกได้อย่างเสรี หรือเสพได้อย่างเสรี ป.ป.ส. รีบออกมาเบรกตัวโก่งว่า มิได้เป็นเช่นนั้น ทั้งกัญชา และ กัญชงยังเป็นพืชเสพติด ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษที่ห้ามผลิต ห้ามนำเข้า ส่งออก จำหน่ายครอบครอง หรือเสพ ยกเว้นได้รับอนุญาตตามกฎหมายเท่านั้น นั่นคือเงื่อนไขในบัญชีแนบท้ายประกาศของกระทรวงสาธารณสุขล่าสุด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมาเท่านั้น
ฝ่ายสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์อีกคนหนึ่งศิลปินแห่งชาติ แอ๊ด คาราบาว มองประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ ไปไกลถึงขั้นล็อกสเปกให้บริษัทผู้ประกอบการได้ประโยชน์ พร้อมกับแสดงความสนิทสนมกับคนใกล้ชิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่อ้างว่าสามารถล้วงลึกข้อมูลมาได้ว่า มีกระบวนการสมคมคิดกันระหว่างคณะกรรมการวัตถุอันตราย กับ อย. ชงเรื่องมาให้รัฐมนตรีฯ อนุทินลงนาม ภายใต้ “การวางยาและเจาะยาง จากกลุ่มข้าราชการพุงกาง” ฝ่ายรัฐมนตรีฯก็ลงนามให้อย่างเสียไม่ได้ แต่จะหาทางแก้ไขให้ภายหลัง (เป็นสาระที่น้าแอ๊ดโพสต์เฟซบุ๊ค)
อยากรู้เหลือเกินว่า แหล่งข่าวของน้าแอ๊ด เป็นใคร สร้างเรื่องได้ราวกับนวนิยายไร้รสนิยม ฝ่ายน้าแอ๊ดก็เชื่อแหล่งข่าวเสียจนนอนไม่หลับ....แถมยังอวยรัฐมนตรีฯ อนุทินว่า “เป็นลูกแกะในวงล้อมของสุนัขจิ้งจอก”......นี่น้าแอ๊ดอารมณ์ศิลปินมากไปหรือเปล่า...หรือไม่ก็เอาน้ำมันกัญชาป้ายใต้ลิ้นมากไปหน่อยจนมึนงง....ถ้าระดับเสนาบดีลงนามในกฎหมายโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบแล้วมาแก้ไขภายหลัง..บ้านนี้เมืองนี้คงยุ่งพิลึก
นี่แค่กัญชายังจินตนาการได้ขนาดนี้ ถ้าเจอสารเคมี 3 ชนิดเข้าไปอีก น้าแอ๊ดคงมีข้อมูลแต่งเพลงได้เป็นอัลบั้มเลยทีเดียว..... เป็นห่วงแต่ว่าใครจะกู่เรียกน้าแอ๊ดกลับมาอยู่กับความจริง และข้อมูลที่แท้จริงเสียที...เป็นห่วงว่า “ลูกแกะในวงล้อมของสุนัขจิ้งจอก” จะเป็นน้าแอ๊ดเสียเอง...
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี