ตัวแทนเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการจากส่วนกลางและจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมเดินต้านทุจริต พิทักษ์สิทธิ์คนพิการ หลังร้องเรียนทุจริตอมเงินคนพิการมาตรา 35 และ ป.ป.ท. ดีเอสไอ ชี้มูลความผิด ผ่านมา 1 ปี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดยังไม่ถูกลงโทษ กลับตีเรื่องกลับให้ผู้ร้องเรียนเป็นฝ่ายผิด ความเจ็บปวดจุกอกจึงเดินเท้าฝ่าสายฝนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ระยะทาง 600 กิโลเมตร เรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคม และฝากฟ้าช่วยจับคนผิดมารับโทษ
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ถนนสาย 227 อ.สหัสขันธ์-อ.เมืองกาฬสินธุ์ ต.ภูดิน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้บริหารเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ตัวแทนผู้ปกครองคนพิการ และตัวแทนผู้พิการจำนวน 10 คน นำโดยนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ นางชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล เลขานุการเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ และนางฐานนิดา อนุอัน ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จ.กาฬสินธุ์ เดินเท้าฝ่าสายฝนที่ตกลงมาเป็นระยะ จากการสอบถามทราบว่าเริ่มต้นเดินทางจากตัว อ.สหัสขันธ์ เพื่อที่จะเข้าสู่ตัวเมืองกาฬสินธุ์ ระยะทาง 28 กิโลเมตร ทั้งนี้มีจุดหมายปลายทางที่กรุงเทพมหานคร ระยะทาง 600 กิโลเมตร
นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ กล่าวว่า จากกรณีคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ถูกละเมิดสิทธิโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น จ.กาฬสินธุ์ จ.นนทบุรี จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ โดยมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้นำองค์กรคนพิการมีความผิด และมีเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2559 ผ่านไป 4 ปี คนพิการถูกละเมิดสิทธิ์กว้างขวางทั่วประเทศ ตัวแทนผู้พิการจึงได้ออกมาเรียกร้อง เพื่อขอความเป็นธรรม และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน
นายปรีดา กล่าวอีกว่า ตลอดการยื่นเรื่อง 1 ปีที่ผ่านมา จากการชี้มูลของ ป.ป.ท.และดีเอสไอ ปรากฏผลออกมาว่ามีผู้นำองค์กรคนพิการและเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิ์คนพิการ แต่กลับไม่มีใครได้รับโทษ ยังไม่มีข้าราชการกระทำผิดวินัย คนพิการจึงไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเท่ากับว่ากลุ่มทุจริตประพฤติมิชอบ มีการช่วยเหลือกัน ขณะที่คนพิการบางรายเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่กลับถูกคุกขามและเป็นฝ่ายผิด เมื่อผลตรวจสอบเป็นอย่างนี้คนพิการจะอยู่ได้อย่างไร จึงเกิดการรวมตัวและจัดกิจกรรมเดินต้านทุจริต พิทักษ์สิทธิคนพิการ 600 กิโลเมตร พิทักษ์สิทธิ์ เอาผิดคนโกง โดยเริ่มต้นจาก อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ และจะไปสิ้นสุดการเดินทางที่กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการเดินเท้า 40 นาทีหยุดพัก ซึ่งคาดประมาณ 15-20 วันถึงจุดหมาย
ด้านนางชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล เลขานุการเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ กล่าวว่าสาเหตุที่กำหนดเริ่มต้นเดินเท้าที่ อ.สหัสขันธ์ เนื่องจากพบว่า เรื่องร้องเรียนมีหลักฐานชัดเจน และผู้ได้รับผลกระทบได้รับความเจ็บปวดมากที่สุด คือครอบครัวของนางฐานิดา อนุอัน ชาว ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ ซึ่งต้องดูแลคนพิการในครัวเรือนถึง 3 คน คือ พ่อ แม่ และลูกสาว โดยได้เข้าร่วมโครงการจ้างเหมาดูแลคนพิการมาตรา 35 ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 9,125 บาท แต่กลับได้รับเพียง 2,000 บาท หรือถูกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินค่าจ้างไปเดือนละกว่า 7,000 บาท ขณะที่ผู้ปกครองคนพิการบางรายได้รับค่าจ้างเพียง เดือนละ 500-3,000 บาทเท่านั้น
นางชนัญชิดา กล่าวอีกว่า จากการร้องเรียนและเข้าสู่ระบบตรวจสอบ โดยองค์กรตรวจสอบหลายแห่ง รวมทั้ง ป.ป.ท.และดีเอสไอ ได้ชี้มูลแน่ชัดแล้วว่า ชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการทุจริต ประพฤติมิชอบ แต่กลับไม่มีการลงโทษ ทั้งยังมีหนังสือแจ้งมายังฝ่ายผู้ปกครองคนพิการที่ร้องเรียน ว่ามีส่วนกระทำความผิด จึงเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ปกครองคนพิการ และเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการทั่วประเทศ จึงได้ออกมาเดินเรียกร้องความเป็นธรรม และวิงวอนฟ้า เพื่อช่วยจับที่กระทำความผิด โกงเงินคนพิการมารับโทษด้วย และขอเชิญชวนคนไทยที่หัวใจรักความถูกต้อง เป็นธรรม ออกมาร่วมเดินต้านทุจริตในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเดินอย่างสงบ อหิงสา เพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงมารยาหลอกลวงว่าประเทศไทยมีกฎหมายเพื่อช่วยเหลือคนพิการสวยหรู แต่กลับเข้าไม่ถึงสิทธินั้น เนื่องจากถูกผู้นำองค์กรคนพิการและข้าราชการลิดรอนสิทธิ์คนพิการอย่างเป็นระบบและไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างความเสียหายปีละกว่า 1,500 ล้านบาท
ด้านนางฐานิดา อนุอัน ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเรียกร้องสิทธิ์ที่ผ่านมา พวกเราผู้ปกครองคนพิการฯ ได้พยายามเรียกร้อง ขอความเป็นธรรม ด้วยสองมือสองเท้า ที่หวังจะได้รับสิทธิ์ที่พึงมีพึงได้ มาดูแลพ่อ แม่และลูกที่พิการ แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกเบียดบังสิทธิประโยชน์ ถูกกดดันข่มขู่ ทำให้รู้สึกไม่มีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต และรู้สึกเจ็บปวดมาก ที่หนังสือร้องเรียนถูกตีกลับว่าผู้ปกครองคนพิการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเราเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ผู้ปกครองคนพิการและคนพิการ ไม่รู้จะไปพึ่งพิงหน่วยงานไหนได้ เพราะร้องเรียนไปก็เจ็บปวดใจ จึงได้ร่วมกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการทั่วประเทศ เดินต้านทุจริต พิทักษ์สิทธิ์คนโกง 600 กิโลเมตรพิทักษ์สิทธิ์ เอาผิดคนโกง เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐ เร่งดำเนินการกับผู้นำองค์กรคนพิการและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมทุจริตอย่างตรงไปตรงมา และบอกให้สังคมรู้ว่า ยังมีการทุจริตคอร์รัปชั่นและละเมิดสิทธิ์ของคนพิการอยู่ในสังคมไทย พร้อมขอให้ออกมาเดินต่อต้านการทุจริตด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สภาพอากาศจะเป็นอุปสรรค มีฝนตกลงมา ก็ไม่ย่อท้อ ทุกคนพร้อมเดินหน้าเพื่อให้ฟ้าช่วย เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครช่วยคนพิการได้เลย” นางฐานิดากล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี