เผยหลักฐานฆ่าบิลลี่
ภาพโยง’กลุ่มผู้มีอิทธิพลตัดไม้’
ดีเอสไอยันเร่งปิดสำนวน
ยธ.จี้จ่ายเยียวยาครอบครัว
รองอธิบดีดีเอสไอเผยมีหลักฐานเด็ด “แฟลชไดรฟ์” ของ“ บิลลี่” มีภาพกลุ่มอิทธิพลตัดไม้ ด้าน “มึนอ”น้ำตานองหน้า ยอมรับยังหวาดกลัวผู้มีอิทธิพลจะเข้ามาแทรกแซงคดี ยืนยันชาวกะเหรี่ยงไม่มีพิธีลอยอังคาร ด้าน “ชัยวัฒน์”ยันบริเวณสะพานไม่ใช่พื้นที่ปิด ย้ำพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ และจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ตำบลป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพบ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ที่บ้านพักเพื่อให้กำลังใจและแจ้งผลคืบหน้าในการสอบสวนพิสูจน์หลักฐานคดีฆาตกรรม นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อดีตแกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย
โดย น.ส.พิณณภา กล่าวพร้อมน้ำตานองหน้าว่า โดยส่วนตัวมั่นใจในการทำงานของดีเอสไอ แต่ยังกังวลและเกรงกลัวผู้มีอิทธิพลที่เหนือกว่าจะเข้ามาแทรกแซงทำให้ดีเอสไอทำงานไม่สะดวก ส่วนที่มีกลุ่มบุคคลที่ไปลอยอัฐิหรือลอยอังคารในลำน้ำภายในอุทยานแก่งกระจาน ขอยืนยันว่าอุทยานเป็นพื้นที่ปิด และวิถีชีวิตของคนกะเหรี่ยงเมื่อมีการเสียชีวิตจะเผาหรือฝังเท่านั้น ไม่มีการเก็บกระดูกไปลอยอังคาร
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่จะรับเป็นคดีพิเศษในชั้นสืบสวนก็มีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ระหว่างนี้มีคณะทำงานลงพื้นพื้นที่โดยตลอด ส่วนจุดที่พบถังรวมทั้งชิ้นส่วนกระดูก 20 ชิ้น นำมาตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ 8 ชิ้น ส่วนที่เหลือมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระดูกมนุษย์หรือไม่ หลังจากนี้ต้องให้เวลาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์เพื่อเปรียบเทียบยืนยันดีเอ็นเอ
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่าได้พิกัดข้อมูลจุดทิ้งถังและเศษชิ้นส่วนกระดูกจากแหล่งใด บอกได้เพียงว่าดีเอสไอลงพื้นที่สืบสวนมานานหลายปี โดยมีแหล่งข่าวที่ให้เบาะแสข้อมูลร่วมกับการสอบสวนจากหลักพฤติกรรมศาสตร์ และเรื่องภูมิศาสตร์อาชญากรรมมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ ส่วนประเด็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ขอให้มั่นใจในการทำงานของดีเอสไอ ซึ่งพยานปากสำคัญและครอบครัวของบิลลี่ได้เข้าโครงการคุ้มครองพยานทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าจะเร่งสอบสวนเพื่อปิดสำนวนคดีให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพที่ปรากฏในแฟลชไดรฟ์ของบิลลี่ซึ่งเป็นภาพขณะที่กลุ่มอิทธิพลเข้าลักลอบตัดไม้ เป็นสาเหตุให้บิลลี่ถูกฆาตรกรรมหรือไม่ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ภาพดังกล่าวตนได้เห็นแล้ว และเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีของดีเอสไอ เรื่องนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มีความเป็นห่วงมากได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล แต่หากมีเรื่องเดือดร้องอะไรเป็นพิเศษสามารถแจ้งมายังดีเอสไอได้ตลอดเวลา
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุมและหาตัวผู้กระทำความผิดมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็รับเรื่องนี้ไปแล้ว และระบุว่าจะมีความชัดเจนภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ ขอย้ำว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ทำผิดกฎหมายไม่ได้ทั้งสิ้น ซึ่งตนคงจะไปช่วยใครไม่ได้ เพราะว่ากฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการสอบสวนและวัตถุพยาน ซึ่งศาลก็ตัดสินไปตามนั้น
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือเยียวยา หลังจากดีเอสไอ ได้ข้อสรุปว่าการสูญหายของนายบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ถูกฆาตกรรมว่า กรมคุ้มครองสิทธิ์จะมีเงินค่าตอบแทนในคดีอาญาของคนที่สูญหาย ซึ่งก็ได้สั่งการให้เร่งรัด โดยคณะอนุกรรมการจะประชุมกันวันที่ 12 กันยายนนี้ โดยการชดเชยเรื่องเสียชีวิตประมาณ 80,000 บาท ส่วนการอุปการะเลี้ยงดูบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณ 40,000 บาท ส่วนเงินการทำศพและค่าใช้จ่ายอื่นใดต้องดูจากข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว ส่วนเงินค่าชดเชยกรณีล่าช้าต้องดูรายละเอียด เนื่องจากกรณีของนายบิลลี่สูญหายตั้งแต่ปี 2557 และแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับไว้เป็นคดีปี 2561 ซึ่งจะใส่เองก็ทำงานเต็มที่
ส่วนข้อสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับคดี นายสมศักดิ์บอกว่า เรื่องนี้ต้องดูต่อไปว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าดีเอสไอมีความตั้งใจทำงานและอยากสร้างผลงานออกมา กรณีมวยล้มจึงไม่น่าเป็นไปได้
ส่วนกรณีภรรยานายบิลลี่ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย แม้มีมาตรการคุ้มกันพยาน ก็จะมีการกำชับดีเอสไอ ให้สร้างความสบายใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ย้ำว่าหลังจากวันที่ 12 กันยายนนี้จะมีความชัดเจนและจะเร่งจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการต้องพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เนื่องจากกรณีคนหายเป็นเรื่องที่สามารถชดเชยได้อยู่แล้ว รวมถึงมีกองทุนยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือเรื่องทนายความและค่าใช้จ่ายส่วน
ทางด้าน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.) ที่ 9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแห่งกระจาน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ตนยังทำงานตามปกติ และไม่อยากจะโต้แย้งแบบรายวันสำหรับข้อกล่าวหาที่ทางดีเอสไอให้ข่าวออกมา แต่จะขออธิบายตามเหตุผลและหลักฐานที่มีอยู่ โดยตนมีภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2558-2559 ระหว่างเดือนมีนาคม-กันยายน
“ใต้สะพานบริเวณซึ่งมีการอ้างว่าเป็นที่เกิดเหตุนั้น ไม่มีน้ำอยู่เลย มีชาวบ้านเดินข้ามไปข้ามมาได้โดยไม่ต้องใช้สะพาน อีกทั้งยังมีเครื่องจักรหนักอยู่บริเวณใกล้เคียงด้วย เพราะมีการทำถนนลาดยาง โดยบริเวณสะพานดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ปิดอย่างที่มีการให้ข่าวว่าไม่มีใครเข้าไปได้ เพราะพื้นที่นั้นอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานราว 700 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร เท่านั้น และยังมีบ้านพักนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย 6-7 หลัง ไม่ใช่พื้นที่เปลี่ยว ใครจะเข้าไปทำชั่วร้ายอะไรก็ได้ อยากจะขอความเป็นธรรมจากสังคมว่าอย่าตัดสินอะไรจากการฟังความข้างเดียว” นายชัยวัฒน์ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ตนก็พร้อมจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับตัวเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี