เจ็บตายบนถนนยิ่งกว่าสงคราม! “มท.2” โอดรับสูญเสียเพียบ แฉพวกหัวหมอยื้อปั้นตัวเลขพ้น7วันอันตราย ดัน “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” ปลูกฝังวินัยตั้งแต่เด็กเล็ก ดึงทุกฝ่ายบูรณาการ ตั้งเป้า 5 ปี กว่า 2 หมื่นรายต้องลดลง ยันทำจริง ไม่มีพิธีกรรม
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 ที่โรงแรมเอสดี อเวนิว บางพลัด กทม. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานเปิดโครงการ และมอบนโยบายในการประชุมวิชาการขับเคลื่อนการดำเนินการงานด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน จัดโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ว่า เราจะเน้นย้ำในเรื่องตำบลขับขี่ปลอดภัย ตั้งใจจะหารือแนวทางมาตรการต่างๆในการที่จะลดอุบัติเหตุความสูญเสียบนท้องถนน โดยเฉพาะการสร้างบรรทัดฐาน และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะฉะนั้นทุกกลไกที่เรามีในคณะกรรมการอำนวยความปลอดภัยทางถนน ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องพูดคุยอย่างใกล้ชิดเพื่อลดการสูญเสียดังกล่าว เพราะเราอยากจะเห็นตัวเลขที่ในแต่ละปีมีการสูญเสียถึง 20,000 กว่ารายลดลง ซึ่งเป็นการสูญเสียที่ทำให้เราเสียหายทั้งทรัพยากรบุคคล ทรัพย์สิน และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศอาจจะถูกมองว่า เราขาดวินัย
“เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมรณรงค์ช่วยกันทำให้เห็นถึงการดูแล การเคารพกฎจราจร การรักษาวินัยจราจร โดยมุ่งไปที่ระดับตำบล ที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน คิดว่า จะได้สร้างการร่วมกันรับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็ก ในการปลูกฝังวินัยจราจร เช่น ผู้ปกครองกวดขันให้บุตรสวมใส่หมวกกันน็อก การขับขี่ ความเร็ว ให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงอยากให้ อปท. ดูแลจุดเสี่ยงบดบังทัศนะวิสัยต่างๆในตำบล ทั้งสภาพถนน โครงสร้างต่างๆ แสงสว่าง สัญญาณไฟจราจรจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่หรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าเขตชนบทเริ่มเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเมืองขนาดเล็กแล้ว ดังนั้นถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ เชื่อว่าจะสามารถลดอุบัติเหตุบนถนนได้ และหลังจากที่ได้หารือกันครบทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศแล้ว จะดำเนินการโดยพร้อมกัน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติร่วมกัน โดยงานในวันนี้จะเริ่มในส่วนของ กทม. และภาคกลางรวม 26 จังหวัด และจะดำเนินการครบทั่วประเทศก่อนกำหนดเป็นแนวทางออกมา” รมช.มหาดไทย กล่าว
ต่อมานายนิพนธ์ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า จากสถิติการสูญเสียบนท้องถนนในแต่ละปีกว่า 20,000 ราย ถือว่า มีจำนวนมาก และยิ่งใหญ่ แต่ไม่ใช่ยิ่งใหญ่แบบชมเชย เพราะเราสูญเสียเท่ากับ 1 สงครามใหญ่ เหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน มีผู้สูญเสียจำนวนมาก และเป็นปัญหาระดับชาติ รวมถึงสงครามในตะวันออกกลาง ก็ยังไม่เท่าการสูญเสียบนท้องถนนของเรา จะโทษว่า เป็นเรื่องเวรกรรมไม่ได้ เพราะเราอาจเสียบุคลากรสำคัญที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมากมาย ดังนั้นจึงถือว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองเช่นกัน ถ้าเราไม่ปรับมาตรการ และไม่บูรณาการทำงานร่วมกัน หรือรู้ว่า ยาขนานนี้ดื้อยาเอาไม่อยู่แล้ว จะต้องใช้ยาแรงเพิ่มเข้าไปอีกหรือไม่ ปัญหานี้จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จึงอยากฝากว่า งานจะสำเร็จได้ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน
“การสูญเสียช่วง7วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ เราไม่สามารถลดตัวเลขลงได้เลย มีแต่เพิ่มขึ้นๆเรื่อยๆ ปัจจุบันสูญเสียเฉลี่ย 300 - 400 ต่อปี แล้วบางฝ่ายก็มีเทคนิคคือ ไม่ยอมนับตัวเลข เพราะยื้อรอให้พ้นช่วง 7 วันอันตรายไปก่อน ผมอยู่ท้องถิ่นมานานผมรู้ดี เราต้องเอาความจริงมาพูด ดังนั้นเราไม่หวังให้แก้ได้ในเร็ววันนี้ แต่ต้องลดลงให้ได้ ตั้งเป้าภายใน 5 ปีจากนี้การสูญเสียต่อปีกว่า 20,000 รายจะต้องลดลง โดยใช้มาตรการตำบลขับขี่ปลอดภัย ดึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะท้องถิ่น กับท้องที่เข้ามามีส่วนร่วมจัดการ ทำงานในพื้นที่ ช่วยดูแลการจราจร และเริ่มปลูกฝัง สร้างวินัย เรียนรู้จราจร ตั้งแต่เด็กเล็กผ่านศูนย์เด็กเล็กของท้องถิ่น และต้องบรรจุเป็นหลักสูตรของศูนย์เด็กเล็กเพื่อใช้ในการประเมินผลงานของท้องถิ่นด้วย จะได้รู้ว่าเกิดประสิทธิภาพหรือไม่ หรือต้องปรับปรุง ต่อยอด และเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไร ถ้าเราลดสูญเสียได้ซัก 5,000คน ก็สุดยอดแล้ว” รมช.มหาดไทย กล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า โครงการตำบลขับขี่ปลอดภัย จะเป็นโมเดลหนึ่งในการดำเนินการให้เริ่มเห็นว่าเข้าถึงพื้นที่ในระดับชุมชนตำบล ไม่ใช่แค่ระดับถนนหลวง หรือเส้นทางหลักเพียงอย่างเดียว ยืนยันว่าเราจะทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่พิธีกรรม และไม่อยากให้คิดว่าเป็นงานประจำ แต่ทุกฝ่ายคือเจ้าของภารกิจนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยอยู่อันดับ 9 ของโลกในการสูญเสียบนท้องถนน ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีด้านตัวเลข ถ้าเราลงมาอยู่อันดับ 50 - 60 จะดีมาก แต่ก็ยังเป็นที่ 1 ในเอเชียอยู่ ซึ่งเราอย่าภูมิใจเลย นอกจากนี้มาตรการบังคับใช้กฎหมายของไทยยังอ่อนแอ เช่น เด็กแว้นโดนจับ พ่อแม่โดนด้วย แต่พ่อแม่โดนน้อยมาก และยังมีเด็กแว้นอยู่มากมาย ดังนั้นเราต้องมาพิจารณาว่ากฎหมายมีมาก แต่บังคับใช้ดีพอหรือยัง หรือกฎหมายยังอ่อนแอ ก็ต้องทำให้เข้มแข็ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี