จากสถานการณ์ความผันผวนของน้ำในแม่น้ำโขงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในลุ่มน้ำโขง ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำทั้งในธรรมชาติและปลาในกระชังของเกษตรกรเสียหายอย่างหนักกรมประมงในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำจึงได้มีการดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงและระบบนิเวศจากผลกระทบภัยแล้งในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาร่วมกับเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน แก้วิกฤติลุ่มน้ำโขงผันผวน ปล่อยพันธุ์ปลากว่าล้านตัวลงสู่ลุ่มน้ำโขพร้อมเปิดพื้นที่ Fish Stock สร้างแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ โดย นายอดิศร พร้อมเทพอธิบดีกรมประมง บอกว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติแม่น้ำโขงผันผวน กรมประมงไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและให้ให้คำแนะนำเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไปก่อน พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยขับเคลื่อนแนวทางและวางแผนการแก้ไขปัญหาผ่านศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการประมง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็วทันต่อสถานการณ์และจะมีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ด้านการประมง (Fishereiswatch) เพื่อติดตามประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะของกรมชลประทาน เพื่อนำข้อมูลน้ำมาวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการประมง อีกทั้ง ในวันที่ 16 กันยายนนี้ กรมประมงจะมีการทำMOU กับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เกี่ยวกับ “การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศทรัพยากรน้ำเพื่อการบริหารจัดการน้ำร่วมกับการประมงการขยายเครือข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ” อันจะนำไปสู่การบรรเทาปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งและคุณภาพน้ำในพื้นที่ เพื่อแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกรได้รับทราบและวางแผนรับมือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้...ในส่วนของการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในระบบนิเวศทางธรรมชาติของแม่น้ำโขงที่เสียหายไปให้คืนกลับอย่างยั่งยืน เบื้องต้น กรมประมงได้ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่จะดำเนินสร้างชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืด จำนวน 7 ชุมชน เป็นกลุ่มเครือข่ายชุมชนประมงติดแม่น้ำโขง 4 จังหวัด ได้แก่ (1) พื้นที่ตำบลหาดคัมภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย(2) พื้นที่เทศบาลตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย (3) พื้นที่ ตำบลหอคำ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ (4) พื้นที่ ตำบลนากั้ง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ (5) พื้นที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม (6) พื้นที่ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และ (7) พื้นที่ตำบลสังคม อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย โดยทั้ง 7 พื้นที่จะมีการปล่อยพันธุ์ปลาไซส์ใหญ่ (3-5 เซนติเมตร) ซึ่งจะมีอัตราการรอดสูง จำนวน 350,000 ตัว ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมความรู้ให้ชุมชนสามารถเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำด้วยตัวเองได้โดยใช้ชุดเพาะฟักไข่ปลาแบบเคลื่อนที่ (Mobile
hatchery) และจัดทำพื้นที่ (Fish Stock) แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรประมงโดยชุมชน เน้นในเขตที่เป็นวังน้ำลึก (Deep pool) ซึ่งสัตว์น้ำมักหนีไปอาศัยในช่วงที่น้ำแห้งขอด โดยเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นกับเจ้าหน้าที่ ภาครัฐในการบริหารจัดการทรัพยากร สร้างกติกาชุมชนตามห้วงเวลาและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งในอนาคตกรมประมงยังมีแนวคิดที่จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่เพื่อจัดทำบันไดปลาโจนในพื้นที่ที่มีเขื่อนหรือฝาย เพื่อให้ปลาหรือสัตว์น้ำสามารถว่ายผ่านสิ่งกีดขวางขึ้นไปหาแหล่งผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศให้ทรัพยากรสัตว์น้ำได้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน...
วันก่อน นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพจน์ภิรัชต์ เนียมจุ้ย รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อต้อนรับ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังสรุปผลการดำเนินงานของสำนักงานองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดสุโขทัย และเยี่ยมชมศูนย์รับน้ำนมดิบ ศูนย์ฯศรีนคร ณ สำนักงานองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดสุโขทัย ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย โดยโรงงานผลิตภัณฑ์นมสุโขทัยแห่งนี้ เกิดจากการที่รัฐบาลได้อนุมัติโครงการแผนปรับโครงสร้างระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) ในปี 2537-2539 งบประมาณ 324 ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม โดยให้จัดตั้งโรงงานผลิตภัณฑ์นมระบบ ยูเอชที.กำลังการผลิต 80 ตัน/วัน และนมพาสเจอร์ไรส์ 10 ตัน/วัน โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ อ.ส.ค.ใช้ที่ดินก่อสร้างในเขต จัดสรรนิคมสหกรณ์สวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ โดยมีภารกิจ คือ 1.ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมสมาชิก อ.ส.ค.ในเขตภาคเหนือตอนล่าง (สุโขทัย - พิจิตร) 2.ส่งเสริมและสนับสนุนสหกรณ์ในเขตภาคเหนือในการเลี้ยงโคนมและจัดการคุณภาพน้ำนม และ 3.รับซื้อแปรรูปน้ำนมดิบเป็นผลิตภัณฑ์นมจากเกษตรกรและสหกรณ์ เป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพ ปัจจุบัน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่าง ได้จัดหาน้ำนมดิบจากศูนย์รับน้ำนมดิบอ.ส.ค.จำนวน 10.68 ตัน/วัน ซึ่งมาจาก 5 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมศรีนคร ศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมคีรีมาศ ศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมทุ่งเสลี่ยม ศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมกงไกรลาศ และศูนย์ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมโพทะเล โดยมียอดรวมปริมาณน้ำนมดิบ 331.15 ตัน และยอดมูลค่าน้ำนมดิบ 6,222,657 บาท ซึ่งปัจจุบันโรงงานสามารถรองรับได้ 140 ตัน/วัน สามารถผลิตครีม 1.2 ตัน/สัปดาห์ นมพาสเจอร์ไรส์ถุง 18 ตัน/วัน และนมกล่องยูเอชที 140 ตัน/วัน.....ซึ่งหลังจากเสร็จภารกิจลงพื้นที่ติดตามท่านรัฐมนตรีช่วยฯ แล้ว ทั้งท่านอธิบดีและท่านรองฯ ก็ไม่ลืมที่จะแวะเยี่ยมสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สุโขทัย เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน พร้อมแนะแนวทางการปฏิบัติงานให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในพื้นที่ โดยมีนางชวมณฑ์ ศรีวาลัย หัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สุโขทัย พร้อมด้วยบุคลากรในสังกัดต้อนรับ ณ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สุโขทัย....
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี