16 กันยายน 2562 นายธนบัตร ชายด่าน แอดมินเพจ "ตุ๊ดส์review" โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ทยอยยกเลิกจุดผ่อนผันผู้ค้าหาบเร่แผงลอยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะยกเลิกได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 2562 โดยระบุว่า สถานที่ที่ภาครัฐอ้างว่าจัดหาให้ผู้ค้าย้ายไปนั้นจำนวนมากไม่ใช่ทำเลดี ไม่สามารถทำการค้าได้ เช่น ตลาดประชารัฐที่พบว่าสุดท้ายแล้วเจ๊ง และเปรียบเทียบกับทุนใหญ่ที่มาเปิดห้างร้านเขาสำรวจความเหมาะสมของทำเลมาก่อนแล้ว รวมถึงตั้งคำถามว่าต่อไปคนไทยต้องฝากชีวิตให้กับทุนใหญ่เท่านั้นใช่หรือไม่ ดังนี้
“พัฒนาไปข้างหน้า แต่อย่าทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง มีระเบียบดี แต่ไม่มีกิน จัดระเบียบแผงลอย อวสาน Street Food เสน่ห์ริมทางของนักท่องเที่ยว และที่พึ่งอิ่มท้องของคนไทย written by Thanabatra Beboyl Chaidarnn , page owner: ตุ๊ดส์review / Pussy can talk”
“จากข่าวที่ภายในสิ้นปีนี้ ทางกทม. กำลังจะจัดระเบียบทางเดินเท้า โดยที่ไล่ที่ไม่ให้พ่อค้าแม่ขายอยู่ริมทางเดิน แต่ให้ย้ายไปที่ใหม่ที่จัดสรรไว้ (ซึ่งส่วนใหญเป็นที่ที่ขายไม่ค่อยดี) สร้างปัญหาแน่ๆในกับชีวิตคนประกอบอาชีพร้านขายแผงลอยริมถนน ซึ่งคำว่า ‘ไม่มีกิน’ ในพาดหัวของบทความ หมายถึง ทั้งคนซื้อ ที่ไม่มีของจะกินในราคาที่ตน affordable ได้ ในขณะเดียวกัน คนขายก็ไม่มีจะกิน เพราะไม่มีเงินจากการต้องปิดร้าน หนีไปขายที่ใหม่ๆ ที่อาจจะรายได้ลดลง หรือถึงกับธุรกิจของตนต้องพังลง จากการไม่มีที่ทำกิน”
“จริงๆต้องบอกก่อนเลยว่า เขียนถึงเรื่องนี้ สุ่มเสี่ยงต่อการโดนด่ามาก แต่แน่นอนว่าเพจเป็นเพจด้านทัศนคติ และความเห็น ก็ต้องรับสภาพนั้น แต่อยากนำเสนอมุมมองที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของการจัดระเบียบทางเท้าของรัฐ ให้ร้านอาหารริมถนนไม่มีที่อยู่ แต่ก่อนอื่น เรามาส่องปัญหาในภาพรวมก่อนว่า ปัญหาร้านค้าริมทางเท้า สร้างปัญหาได้อย่างไร ทำไม กทม. ถึงอยากไปจัดระเบียบกันนัก”
“1) จำนวนร้านจำนวนมากกว่าพื้นที่ขายริมทาง ทุกวันนี้ปริมาณร้านค้าเยอะเกิน แต่พื้นที่ริมทางอาจจะไม่พอรองรับความต้องการขาย เพราะมันแน่นจนไร้ระเบียบ
2) ความไร้ระเบียบของการใช้พื้นที่ ทำให้กินพื้นที่ฟุตบาท จนเดินลำบาก และบางส่วนกินพื้นที่ถนน ทำให้การใช้รถใช้ถนนลำบาก”
3) ความสกปรก เพราะการขายอาหารมีของเสียและขยะจากวัตถุดิบในการทำอาหาร มีทั้งถุงพลาสติก เศษอาหาร และข้าวของกองริมทาง ภาพไม่สวยงาม และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และกลิ่นเน่าเหม็น เพราะหลายร้านเทน้ำทิ้งลงท่อระบายน้ำริมทาง กลายเป็นแหล่งสกปรกที่เต็มไปด้วยสัตว์พาหะของโรคต่างๆ 4) สุขลักษณะของผู้รับประทาน เพราะมันอยู่ริมทาง เลี่ยงไม่ได้แน่ๆ ทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะ และเชื้อโรคต่างๆ ที่มากับรถ และถนน ทำให้ของขายริมทาง อยู่ในสภาพที่ไม่ดีต่อสุขภาพผู้รับประทาน”
“สาเหตุต่างๆของความไม่มีระเบียบ นำไปสู่การจัดระเบียบ แต่ผมมองว่าการจัดระเบียบ มี 2 ลักษณะคือ 1) การให้อยู่ที่เดิม แต่ทำให้เกิดระเบียบ สะอาดขึ้น และเป็นสัดเป็นส่วน มีกฎของการอยู่ริมถนนที่สวยงาม 2) การจัดสรรพื้นที่ใหม่ คือทำ Zoning ให้พ่อค้าแม่ค้ามีพื้นที่ขายใหม่ ทดแทนที่เดิม เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย”
“ตลาดประชารัฐเจ๊ง เพราะขาดการสำรวจเรื่องทำเลที่ดีพอ : จริงๆผมเห็นความพยายามในการจัดระเบียบ ไปในข้อที่ 2 แต่ปัญหาของมันคือ สถานที่ที่ย้ายไปที่เป็นตลาดใหม่ของพวกพ่อค้าแม่ค้า “ตลาดประชารัฐ” มันเจ๊ง เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้สำรวจพื้นที่ก่อนสั่งย้าย ซึ่งมันไม่ใช่พื้นที่ขายที่มีผู้คนเข้าไปซื้อและจับจ่าย บ้างไม่สะดวก บ้างไม่ใช่ที่คนเดินสัญจรเป็นปกติ หรือไกลปืนเที่ยง”
“การจะจัดสรรพื้นที่ใดเป็นตลาด วิธีคิดของการใช้ ‘ทำเล’ ที่ดีคือแนวคิดแบบ location-based marketing เหมือนกับห้างหรือฟิตเนส ถ้าเป็นทำเลที่ไม่มีคน ไม่ใช่ที่ที่น่าสนใจ ไม่มีทางเลยที่ห้างร้าน หรือฟิตเนสที่ไหน จะกล้าไปตั้ง ตลาดประชารัฐต้องทำ Project Feasibility แบบนั้นเช่นกัน เพื่อคำนวณว่าโปรเจคนี้มันคุ้มไหมที่จะไปจัดตั้งเป็นตลาด มันมีความเป็นไปได้ไหมที่โครงการตลาดนั้นจะรอด ก่อนจะไปตั้ง ต้องคิดคำนวณเรื่องพวกนี้ก่อน…”
“แต่เพราะการทำการบ้านต่ำเกินไป ทำให้ตลาดประชารัฐเจ๊งเพียบ (ไปตามหาข่าวตลาดที่รัฐจัดตั้งเจ๊งระนาวดูได้เลยทาง google ครับ) ดังนั้นการจะจับใครย้ายไปไหน มันไม่ใช่นึกจะย้ายใครไปไหน ฉันก็จับย้าย มันคือการทำงานใช้เชิงของข้อมูลและการวางแผนก่อนทั้งสิ้น เพื่อให้มั่นใจว่าเค้าย้ายไปทำมาหากินแล้วขายของได้ มิฉะนั้นแล้วมันเหมือนเชือดให้พ่อค้าแม่ขายตายทางอ้อม”
“ทำไมแหล่งค้าขาย กับความสวยงามทางภูมิทัศน์ จะอยู่ด้วยกันไม่ได้? : ถ้าสร้างระเบียบและข้อตกลงที่เคร่งครัด ไม่ต้องย้ายเค้า ไล่เค้าไปไหน ให้เค้ามีที่ทำกินค้าขาย ไม่ไปตัดช่องทางทำกินเขา บริหารจัดการค่าธรรมเนียมขายดีๆ มีสตางค์หล่อเลี้ยงโครงการมาทำนุบำรุงตลาดริมทาง มันก็อยู่ด้วยกันได้ ลองดูการทำ Kiosk ที่เป็นตู้ร้านดีๆ ทำไมมันจะสวยไม่ได้”
“ร้านอาหารริมทาง ควรถูกยกระดับให้เป็นเสน่ห์ของเมืองไทย และการท่องเที่ยว : Street Food นับเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของไทย ที่หากินอาหารริมทางได้ง่าย สำหรับนักท่องเที่ยว ที่อยากทานอะไรก็สามารถนั่งริมทางได้ง่ายๆ ในราคาที่จับต้องได้ เป็นคุณประโยชน์กับทั้งนักท่องเที่ยว และคนไทยเอง ที่หาของกินริมทาง จะได้มีตัวเลือกในการรับประทาน ได้กินได้ใช้จ่ายช่วยธุรกิจครัวเรือนที่เป็นของประชาชนเองให้พอลืมตาอ้าปากได้ มิใช่อยู่ได้ด้วยร้านสะดวกซื้อ”
“เมื่อประชาชนขาดตัวเลือกการบริโภค ราวกับถูกผูกขาดด้วยนายทุนทางอ้อม ถ้าไล่ที่หมดแล้ว ไม่มีอะไรกิน ตัวเลือกสุดท้ายคือร้านสะดวกซื้อ นายทุนผูกขาดการเติบโตขึ้นทุกวัน แต่คนธรรมดาหาที่ทำกินไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะใช้ชีวิตผูกขาดของกินไว้กับการเข้าร้านสะดวกซื้อ หรือเดินหาร้านอาหารในห้างทุกวัน ค่าครองชีพคงจะสูงลิบ เมื่อไม่มีตัวเลือก”
“และพ่อค้าแม่ขายที่ควรเป็นเสน่ห์ริมทาง เช่น ร้านป้าXX ส้มตำรสนัว หรือ ข้าวมันไก่นาย A น้ำจิ้มรสเด็ด ร้านพวกนี้ควรมีโอกาสอยู่สร้างเสน่ห์เป็นสีสันบนทางเท้า ให้คนกิน และมีที่ทำกินด้วยงานสุจริต และฝีมือของเขา เขาควรอยู่ต่อในพื้นที่ค้าขายในแผงที่มีคุณภาพ มีระเบียบ และส่งเสริมธุรกิจให้กับประชาชน ไม่ใช่แค่ของกินที่กระทบเท่านั้น ถ้ามองในภาพรวม คนขายเสื้อผ้า giftshop ร้านรวงต่างๆ คือไม่รอด ตายเรียบ ย้ายที่คือกลุ่มลูกค้าเปลี่ยน ตลาดวาย…ของขายที่เคยทำรายได้ ก็อาจกลายเป็นขาดทุน”
“ไม่ควรพัฒนาไปข้างหน้า แต่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง เราเรียกมันว่า ไม่พัฒนา #ตุ๊ดส์review”
สำหรับนายธนบัตร นั้นปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษ นักวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาด นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี