เยี่ยมผู้ประสบน้ำท่วม19กย.
นายกฯลุยอุบลฯ
ยันใช้เงินบริจาคทุกบาทคุ้มค่า
บิณฑ์แจกต่อวารินชำราบ
ยอดสมทบทะลุ300ล้านบ.
4จว.ยังอ่วมยอดตาย34ศพ
นายกฯขอบคุณธารน้ำใจร่วมบริจาค ช่วยน้ำท่วมอีสานล้นหลาม ยันใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ถึงมือผู้เดือดร้อนทุกคน ลุยซับน้ำตาอุบลฯ19 กันยายน พร้อมลงเรือเก็บขยะน้ำมูล โวยถูกเบี่ยงประเด็นไอเดียเลี้ยงปลา ในจุดท่วมซ้ำซาก ด้าน“บิณฑ์”นำคณะแจกต่อที่วารินชำราบ อีก 1.6 พันครัว ยอดบริจาคทะลุ 300 ล้าน
เมื่อวันที่ 18 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ เพื่อพี่น้องชาวอุบลที่ประสบภัยน้ำท่วม ทุกองค์กร ทุกหน่วยงานประชาชนทุกคนว่าขอบคุณคนไทยทุกคนเราไม่ทอดทิ้งกัน
นายกฯขอบคุณน้ำใจร่วมบริจาค
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมใจกันบริจาคเงินช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านรายการ“ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” โดยเงินทุกบาททุกสตางค์จากการบริจาคนี้ จะนำไปช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ให้ประชาชนอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และทั่วถึง ตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค
สำหรับการรับบริจาคเข้าบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกองทุนที่เปิดไว้เพื่อรองรับผู้ที่ประสงค์จะร่วมบริจาคช่วยเหลือประชาชนในยามประสบภัย และรัฐบาลทำหน้าที่ดูแลและเป็นตัวกลางนำเงินบริจาคนี้ส่งให้ผู้ประสบภัย โดยมีกระบวนการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เงินบริจาคนี้ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง
ลุยตรวจน้ำท่วมอุบลฯบ่าย19กย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่19 กันยายน ตั้งแต่เวลา13.00น.นายกฯมีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่จ.อุบลราชธานี โดยออกเดินทางด้วยเครื่องบินเที่ยวพิเศษ ไปท่าอากาศยานทหารกองบิน 21จากนั้นเวลา 14.00น.จากนั้นนายกฯและคณะจะเดินทางไปศูนย์พักพิงมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมแผนฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากนั้น จะตรวจเยี่ยมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย 83 ราย หลังจากนั้นนายกฯจะเดินทางต่อไปยังงตลาดสดเทศบาล 3สถานีวัดระดับน้ำ M7 เพื่อลงเรือตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยชุมชนริมแม่น้ำมูล และมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัยที่ยังอาศัยอยู่ในบ้าน และการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเก็บขยะในแม่น้ำมูลด้วย ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯในเวลา 17.30น.
โวยเบี่ยงประเด็นเลี้ยงปลาท่วมซ้ำซาก
วันเดียวกันที่อิมแพคเมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวระหว่างเปิดประชุมประจำปี 2562 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เรื่อง“การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ เชื่อมไทย ก้าวไกล เชื่อมโลก”ตอนหนึ่งถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมว่าตนสั่งให้ทำแก้มลิง แต่ก็ไม่ได้สั่งให้ทำแบบกระจ๊อกกระแจก หรือสั่งให้ประชาชนเลี้ยงปลา มันเป็นคนละเรื่อง แต่พูดถึงแก้มลิงขนาดใหญ่ เป็นทะเลสาบ ให้พื้นที่น้ำท่วมไหลลงแก้มลิงนี้ได้ ระยะยาวจะเรียกว่าทะเลสาบ ระยะสั้นจะเรียกว่าแก้มลิง ซึ่งรัฐต้องจ่ายค่าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างและช่วงนี้ปล่อยปลาลงไปให้ชาวบ้านจับกินจับขาย
“ผมไม่ได้คิดง่ายๆอย่างที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่ให้คนปลูกข้าวเปลี่ยนมาเลี้ยงปลา ไปสร้างภาพลักษณ์ผมในทางที่ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งที่ผมถ่ายทอดออกไปหรือพูดออกไป เป็นคนละเรื่องคนละประเด็น ถ้าผมคิดอย่างนั้นนะ ผมไม่ต้องเป็นนายกฯหรอก เป็นผู้หมู่ยังไม่ได้เลย”นายกฯกล่าว
4จว.ยังอ่วม-ยอดตายแตะ34ราย
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เผยว่าอิทธิพลพายุโซนร้อนโพดุลและคาจิกิตั้งแต่วันที่29สิงหาคมถึงวันนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์และวาตภัย รวม 32 จังหวัดได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ยโสธร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี เลย ศรีสะเกษ สกลนคร ปราจีนบุรี ตราด สระแก้ว กระบี่ ระนองและชุมพรรวม 182 อำเภอ 969 ตำบล 7,115หมู่บ้าน 5เขตเทศบาล 11ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ418,549 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 34ราย ที่ จ.ยโสธร9ราย ร้อยเอ็ด 6ราย อำนาจเจริญ 5 ราย ขอนแก่น3ราย อุบลราชธานี 3 ราย พิจิตร 2ราย ศรีสะเกษ 2ราย พิษณุโลก1ราย มุกดาหาร1ราย สกลนคร1ราย น่าน 1ราย ผู้บาดเจ็บ1คนที่ จ.ชัยภูมิ
โดยยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมใน 4 จังหวัดได้แก่อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ อพยพประชาชน 20,620 คน ในพื้นที่ 4 จังหวัด รวม 64 จุด คือ ยโสธร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ดและศรีสะเกษ ซึ่งปภ.ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระดมกำลังพล อุปกรณ์เข้าช่วยเหลือเป็นการด่วน เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
‘บิณฑ์’แจกต่อ1,1พันครัว-ผู้ป่วย7ราย
วันเดียวกัน มูลนิธิร่วมกตัญญูรายงานสรุปภารกิจของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และทีมมูลนิธิร่วมกตัญญูในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในต.หนองกินเพล ต.บุ่งไหม, ต.วารินชำราบ, อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีเมื่อวันที่17กันยายน ดังนี้ต.หนองกินเพล พื้นที่ ม.1 บ.กุดชุม ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มอบเงินช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท 189 ครัวเรือน และมอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง และ ผู้พิการทุพพลภาพ รายละ 10,000 บาท 1 ราย รายละ 5,000 บาท 3 ราย
ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ พื้นที่ ม.8 บ้านท่ากกเสียว ม.9 บ้านกุดปลาขาว, ชุมชนกุดปลาขาว เทศบาลวารินชำราบ ม.3 บ้านกุดระงุม, ม.11 บ้านกุดระงุม, ม.6 บ้านคำกลาง, ม.10 บ้านราชธานีอโศก, ม.1 บ้านวังกางฮุง, ม.7 บ้านบุ่งไหม และ ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ พื้นที่ ชุมชนลับแล เทศบาลวารินชำราบ ชุมชนท่าบ่งมั่ง ต.วารินชำราบ, ชุมชนหลังวัดวารินทราราม มอบเงินช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท 977 ครัวเรือน มอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการทุพพลภาพ รายละ 20,000 บาท 1 ราย รายละ 5,000 บาท 2 ราย
ยอดวิ่งทะลุ300ล.แจกต่อ1.6พันครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาวารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิทีมร่วมกตัญญู เดินทางมาเบิกเงินสด 10 ล้านบาท ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในอ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 3 จุดจำนวน 1,600 ครัวเรือน ครอบครัวละ 5,000 บาทอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ก่อนที่บิณฑ์และคณะจะนำเงินบริจาคมาแจกให้ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู ชุดล่วงหน้าได้ลงพื้นที่ประสานกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบทะเบียนบ้าน โดยให้หัวหน้าครอบครัวเป็นตัวแทนมารับเงิน ครอบครัวละ 5,000 บาท สำหรับยอดเงินบริจาคเข้าบัญชีของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ มีจำนวน 332 ล้านบาท
เชียงรายเจอพายุซัดพังเกือบร้อยหลัง
ขณะเดียวกัน ยังมีสถานการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างที่จ.เชียงราย นางภัทรวดี ปัญญาบุญ นายอำเภอพาน นำเจ้าหน้าที่ ปภ จังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอ.พาน ออกสำรวจความเสียหาย จากพายุฝนลมแรงที่เกิดขึ้นช่วง 03.00 น.วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ในต.ป่าหุ่ง หมู่ 1 จำนวน 4 หลังคาเรือน หมู่ 3 จำนวน 67 หลังคาเรือน และหมู่ 4 จำนวน 14 หลังคาเรือน รวม 85 หลังคาเรือน นอกจากนี้ที่ ต.สันกลาง มีบ้านเรือนเสียหายพื้นที่หมู่ 4 จำนวน 5 หลังคาเรือน และหมู่ที่ 14 จำนวน 1 หลังคาเรือน รวม 6 หลังคาเรือน และที่ ต..เมืองพาน มีบ้านเรือนเสียหายพื้นที่หมู่ที่ 5 จำนวน 5 หลังคาเรือน หมู่ที่ 10 จำนวน 1 หลังคาเรือน และหมู่ที่ 21 จำนวน 1 หลังคาเรือน รวม 7 หลังคาเรือน จึงรวมบ้านเรือนที่เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 98 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่หลังคาถูกลมพัดปลิวหายไป เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซม เพื่อรองรับฝนที่อาจตกลงมาอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี