เรื่องนี้ไม่พูดถึงไม่ได้...นั่นคือ เรื่องที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มนัญญาไทยเศรษฐ์ บุกไปถึงสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร แบบเจ้าของบ้านไม่ทันตั้งตัว เพื่อทวงข้อมูลสต็อกสารเคมีที่ขอไปหลายวันแล้วไม่ได้เสียที.....งานนี้ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เสริมสุข สลักเพ็ชร ไม่ตอบอะไร เมื่อถูกผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงเกษตรฯ ถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
คนที่ต้องตอบคำถามแทนอธิบดีกรมวิชาการเกษตร คือ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ อนันต์ สุวรรณรัตน์ แต่คำตอบของท่านปลัดฯก็ไม่ได้ความกระจ่างแต่อย่างใด ได้แต่บอกว่าอาจจะเป็นความเข้าใจไม่ตรงกัน และจะนำอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป
ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า รัฐมนตรีท่านใดจะบุกไปถึงหน่วยงานเพื่อที่จะทวงข้อมูล ที่สั่งการไปแล้วให้หน่วยงานจัดทำมาให้ แต่เวลาผ่านไปหลายวันหน่วยงานก็ยังไม่จัดทำมาให้เสียทีจนทนไม่ไหวต้องไปตามทวงเองถึงที่ทำงาน ทั้งๆที่ไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ แค่ยกหูโทรศัพท์ทวงถามกับอธิบดีก็น่าจะได้อย่างที่ต้องการ แต่งานนี้ข่าวว่าอธิบดีทวงแล้วก็ไม่ได้เช่นกัน....ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง..ต้องบอกว่าสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร (หน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลสต๊อกสารเคมี)..นายแน่มาก....
ว่าแต่ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญาจะเร่งรีบเอาข้อมูลไปทำอะไร หรือถามใหม่ว่า ข้อมูลสต๊อกสารเคมี จะทำอะไรได้ กับเป้าหมายของท่านที่มีอยู่แล้ว คือการยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด พาราควอตไกลโฟเซต และคลอไพรีฟอส ถ้าได้ข้อมูลไปแล้ว แต่ไม่ได้นำไปใช้ประกอบการพิจารณาใดๆ อย่างเป็นธรรม ก็ไม่น่าลงทุนไปตามข้อมูลด้วยตนเอง เว้นเสียแต่จะประกาศให้ใครๆ ได้รู้ว่า...อย่ามาทำเล่นๆ กับ มนัญญา
ไม่ว่าข้อมูลสต๊อกสารเคมีจะมีส่วนในการเป็นสาเหตุให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมาที่ประชุมมีวาระพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม และมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 39 คน ใช้เวลาศึกษา 60 วัน
ที่ไม่แน่จริง คือกรรมาธิการ 39 คน ไม่มีใครที่มาจากฝ่ายเกษตรกร หรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกสารเคมี 3 ชนิดเลย ส่วนใหญ่มาจากฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการยกเลิกสารเคมีแทบทั้งสิ้น คำถามจึงตามมาว่า แล้วความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน...ที่ว่ามานี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่เห็นแล้วรู้สึกไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกต้องถ้าเป็นเช่นนี้
ไม่ต้องเสียเวลาตั้งคณะกรรมาธิการ เสียเวลาประชุม เปลืองงบประมาณเบี้ยประชุม เปล่าๆ สุดท้ายก็ต้องยกเลิกตามธงที่ตั้งไว้อยู่ดี
แน่จริง ก็ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้ ไปเลยแล้วมาดูว่าผลตามมาจะเป็นอย่างไร หมายเหตุ และขีดเส้นใต้หลายๆ เส้นด้วยว่า การยกเลิกนี้ ต้องยกเลิกสารเคมีที่มาทดแทนที่มีราคาแพงกว่าหลายเท่า นั้นด้วยเพราะมีข้อมูลว่าเป็นสารเคมีที่มีสูตรเดียวกันกับสารเคมี 1 ใน 3 ชนิดที่ขอให้ยกเลิกนั่นเอง
ไม่ได้ต่อต้านการยกเลิกการใช้สารเคมีที่มีอันตรายจริงๆ เป็นอันตรายที่มีการศึกษา วิจัยมีข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ยืนยัน และการยกเลิกนั้นเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ไม่ใช่ให้กลุ่มบุคคลใดๆ มากดดัน และบิดเบือนข้อมูล หรือใช้โซเชียลมีเดีย และสื่อหลัก เป็นช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจนสาธารณชนเข้าใจผิด
เรื่องสารเคมี 3 ชนิด คงยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะสำหรับกระทรวงเกษตรฯ ในยุคนี้ และสำหรับพรรคการเมืองบางพรรคที่ตั้งธงไว้ตั้งแต่ตอนชูนโยบายหาเสียง คงเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น....
พักเรื่องสารเคมีที่ไม่น่ายินดีเอาไว้ก่อน หันมาพูดถึงเรื่องน่ายินดีบ้าง...
ขอแสดงความยินดีกับ ว่าที่อธิบดีกรมหม่อนไหม วสันต์ นุ้ยภิรมย์ ที่นั่งเก้าอี้รองอธิบดีกรมหม่อนไหมมานานหลายปี คราวนี้ได้เป็นอธิบดีสมใจเสียที นับเป็นลูกหม้อกรมหม่อนไหมอย่างแท้จริง เพราะเติบโตมาจากนักวิชาการของสถาบันวิจัยหม่อนไหม ที่เดิมสังกัดอยู่กับกรมวิชาการเกษตร ก่อนที่จะมารวมกับหน่วยงานของกรมส่งเสริมการเกษตร จัดตั้งเป็นกรมหม่อนไหมในปัจจุบัน
อีกท่านหนึ่งที่ต้องแสดงความยินดี คือผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรฯ ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แทน จริยา สุทธิไชยา ที่เกษียณอายุราชการ คงสร้างความผิดหวังให้ใครหลายคน ที่คาดกันว่าน่าจะได้นั่งเก้าอี้นี้ ที่น่าเสียดายคือ ฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ที่ถูกย้ายไปลงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ
นี่คงเป็นแค่ลอตที่ 2 ของการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงเกษตรฯ แต่ยังมีตำแหน่งที่ว่างลงอีกหลายตำแหน่งภายหลังเดือนกันยายน 2562 ให้ผู้มีอำนาจในกระทรวง ได้เดินหมากบนกระดาน ผลจะออกมาอย่างไร สร้างผลงานให้กระทรวงได้มากน้อยแค่ไหน ส่งผลให้นโยบายของกระทรวงประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คนแต่งตั้งรับผิดชอบกันเอาเอง....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี