ฝุ่นควันภาคใต้ยังวิกฤติ
หาดใหญ่ค่าพุ่ง200มคก.
สธ.รุดลงพื้นที่แก้ปัญหา
ค่าฝุ่นควันเกินมาตรฐาน 4 จว.ภาคใต้ตอนล่าง ยังวิกฤติพบที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ทะลุ 200 มคก./ลบ.ม.จากที่ต้องไม่เกิน50 มคก./ลบ.ม.ด้าน ปลัด สธ.สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ แก้ปัญหาเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย ที่อยู่ในภาวะวิกฤตหนักที่สุดในรอบปี และส่งผลกระทบถึงหลายพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ว่า สำหรับในพื้นที่ จ.สงขลา ขณะนี้ได้ตกอยู่ในสภาพเมืองในหมอก โดยเฉพาะที่ อ.เมือง อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา สภาพอากาศปิด โดยเต็มไปด้วยหมอกควันหนาทึบทั่วท้องฟ้าและมองเห็นหมอกควันได้รอบตัวอย่างชัดเจน โดยประชาชนหลายคนมีอาการแสบตา หายใจลำบาก ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง หมอกควันปกคลุมทั้งในตัวเมืองและในทะเล
ทั้งนี้ ค่าปริมาณความเข้มข้นฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เริ่มมีค่าสูงขึ้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลมเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดผ่านแหล่งกำเนิดฝุ่นควันในหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ยังคงมีความรุนแรงและเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้เกิดหมอกควันข้ามแดน ปกคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ค่า PM 2.5 มีค่าสูงขึ้น
นายธนัญชัย วรรณสุข ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 จ.สงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากทิศทางลมยังคงพัดหมอกควันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วง 2-3 วันนี้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ มีทั้ง จ.สตูล สงขลา ยะลา และปัตตานี เพราะสถานการณ์หมอกควันเริ่มหนักขึ้น
“ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยรายชั่วโมงเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จากค่ามาตรฐานที่ต้องไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” นายธนัญชัย กล่าว
ส่วนสถานีวิจัยมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) แจ้งเตือนขอให้ประชาชนทุกคนงดทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเด็ดขาด และให้สวมใส่หน้ากาก N 95 เมื่อออกนอกอาคาร และเฝ้าระวังสุขภาพ หากมีอาการไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์ทันที
สำหรับค่าความเข้นข้นเฉลี่ยรายชั่วโมง PM 2.5 มีค่ามากกว่า 230 ไมรโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มลพิษฝุ่นควันปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และบริเวณใกล้เคียง สถานการณ์ฝุ่นควันที่เกิดขึ้น รุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา จึงแจ้งเตือนประชาชนขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในภาคใต้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำในเชิงรุก ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการป้องกันสุขภาพทั้งประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งสนับสนุนหน้ากากอนามัย จำนวน 2,000 ชิ้น ให้แก่ศูนย์อนามัยที่ 12
สำหรับสถานการณ์ในวันเดียวกันนี้ มีพื้นที่ 2 จุด ที่มีปริมาณค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ได้แก่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีค่าปริมาณฝุ่นละออง 65 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา มีค่าปริมาณฝุ่นละออง 56 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับสีส้ม คือเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
“ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ ที่แอพลิเคชั่น “air4thai” หรือเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5” หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก และไม่ควรอยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ หากไม่จำเป็นไม่ควรไปในพื้นที่มีฝุ่นละอองเยอะ ควรหมั่นสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้น หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” นพ.สุขุม กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข รวมทั้ง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน จึงมอบหมายให้นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 20 กันยายนนี้ เพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี