กลุ่มชาติพันธุ์และนักสิทธิมนุษยชนเสนอ ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร่งด่วนเนื่องจากถูกละเมิดและหลงลืมมาเนิ่นนาน
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 ที่คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ นักวิชาการ และนักสิทธิมนุษยชนจัดสัมมนาเรื่อง สิทธิมนุษยชนและการเข้าถึงความยุติธรรมจองกลุ่มชาติพันธุ์ ชนเผ่า กลุ่มเปราะบางกับการปฏิรูปตำรวจและกระบวนยุติธรรม เพื่อสร้างความยุติธรรมต่อกลุ่มชนเผ่า ชาติพันธุ์ และคนชายขอบ ที่ได้รับผลกระทบ
นายสิทธิพล สอนใจ ผู้แทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ กล่าวว่า กรณีอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ชาวบ้าน 298 ราย ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า เป็นผลจากการปฏิบัติงานตามโครงการทวงคืนผืนป่า มีการปลูกป่าทดแทน 7,820 ไร่ ไปทับซ้อนที่ดินทำกินชาวบ้าน หลังจากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้ชาวบ้านไปรายงานตัวหาว่าเป็นที่บุกรุก ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นประเด็นความท้าทายกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง
ด้าน นางหมี่จู มอแลกู่ ประธานเครือข่ายอาข่ลุ่มน้ำโขง กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ถูกตำรวจอุ้มสองครั้งเพราะเรียกร้องเรื่องสัญชาติ เอาปืนจ่อหัวเอาเท้าเหยียบที่หน้า ถูกตำรวจอุ้มที่สนามบินในปี 2545 แล้วพาไปที่บ้านซึ่งมีตำรวจคอยอยู่ 30 นาย ต่อมาถูกอุ้มอีกครั้งที่เชียงราย ตำรวจงัดบ้านเอาทรัพย์สินเงินทองไป จึงไปแจ้งหลายหน่วยงานรวมทั้งสภาทนายความซึ่งมีทนายสมชาย นีละไพจิตรเป็นทนายช่วยเหลือ จนตนต้องหนีไปอยู่อเมริกา 5 ปี และกลับมาช่วยเหลือชาวบ้าน พวกเราอยู่บนดอยก็ผิดกฎหมาย อยู่ในเมืองก็ถูกต่อต้าน การต่อสู้หวังพึ่งใครได้ยากต้องพี่งตัวเอง
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ให้ความเห็นว่า กฎหมายและสิทธิตามกฎหมาย ที่เป็นการปะทะกันระหว่างคนสองกลุ่ม คือฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีกฎหมายอยู่ในมือ ทำตัวเป็นกฎหมาย แล้วเห็นชาวบ้านเป็นตัวผิดกฎหมาย กับกลุ่มชาวบ้านที่มักเป็นฝ่ายแพ้เสมอ คอยรับกรรมเรื่อยไป เจ้าหน้าที่ไม่สนใจสิทธิส่วนบุคคล และสิทธิชุมชน อีกทั้งเมื่อพนักงานของรัฐพูดอะไรมักมีความน่าเชื่อถือ ศาลก็ฟังเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่าฟังชาวบ้าน มักมองว่าชาวบ้านทำผิด ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมักปกป้องเจ้าหน้าที่ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าความจริงคืออะไร ชาวบ้านคนเล็กคนน้อยมักกลายเป็นแพะ ดังเช่นกรณีแพะจอบิที่มีการยิงรถนักเรียนตาย พอหาคนยิงไม่ได้ ก็ขอให้จอบิรับผิดว่าเป็นคนยิง แต่สุดท้ายศาลตัดสินว่า จอบิเป็นผู้บริสุทธิ์
นายสรุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องลดอำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วเพิ่มอำนาจประชาชน การกระจายอำนาจเป็นเรื่องสำคัญ ประชาชนต้องตรวจสอบอำนาจรัฐได้ ต้องเพิ่มสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ต้องมองคนเท่ากัน ไม่มองชาวบ้านต่ำกว่าตน ตลอดจนรัฐต้องมีการทำบัญชี white list เพื่อเป็นมาตรการในการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิด
นายสุรพงษ์กล่าวในที่สุดว่า ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ต้องปฏิรูปตำรวจ โดยตำรวจต้องไม่มาจากศูนย์กลาง ต้องกระจายอำนาจ ตำรวจให้เป็น ตำรวจชุมชน ให้ประชาชนได้รับรู้เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบถ่วงดุล การแก้ปัญหาคอรัปชั่นต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ดังที่มีการเอาจริงในญี่ปุ่นและเกาหลี ต้องทำให้ประชาชนไว้ใจเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่ใช่รัฐรัฐที่แท้จริงคือประโยชน์สุขของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี