กระทรวงยุติธรรม สั่งยกเลิกใช้”กำไลอีเอ็ม”แล้ว หลังพบข้อบกพร่อง ไม่สามารถใช้งานได้จริง ผิดเงื่อนไข ทีโออาร์ พร้อมเรียกค่าปรับ83ล้านบาท จากบริษัทคู่สัญญา ระบุไม่จ่ายภายใน15วัน ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดี ด้านกรมคุมประพฤติ แจ้งศาลขอเพิกถอนใช้กับผู้ถูกคุมประพฤติ 500รายทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวผลการตรวจสอบกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring: EM) หรือกำไลอีเอ็ม อุปกรณ์ติดตามตัวของผู้ถูกคุมประพฤติ ว่า ยกเลิกสัญญาการเช่าใช้ กับบริษัท สุพรีม ดีสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด หลังพบว่ามีข้อบกพร่องและไม่สามารถใช้งานได้จริง โดยก่อนหน้านี้กรมคุมประพฤติได้ทำสัญญาเช่าใช้เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด จำนวน 4,000 เครื่อง เป็นเวลา 21 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 ถึงเดือนกันยายน 2563 ด้วยงบประมาณจำนวน 74, 470,000 บาท และต่อมาเมื่อตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่าอุปกรณ์ดังกล่าว สามารถถอดออกได้เกิดจากความบกพร่องของตัวอุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามทีโออาร์(TOR)ที่กำหนดไว้ จึงได้แจ้งยกเลิกสัญญาเช่ากับบริษัทสุพรีมฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน และเมื่อวันที่ 19 กันยายน กรมคุมประพฤติได้แจ้งให้บริษัทสุพรีมฯ ได้รับทราบและขอให้ชดใช้ค่าปรับเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 83,825,810 ล้านบาท
โดยจำนวนนี้แยกเป็น 4 ประเด็น คือ 1.การส่งมอบอุปกรณ์ล่าช้าเป็นเงิน 1,712,810 บาท 2.การไม่นำอุปกรณ์มาเปลี่ยนให้ใหม่ภายในระยะเวลากำหนด 26 วัน จากจำนวนกำไลอีเอ็มทั้งหมด 4,000 เครื่อง ค่าปรับเครื่องละ 500 บาทต่อวัน คิดเป็นเงินจำนวน 52 ล้านบาท 3.ค่าเสียหายจากการไม่มาปฎิบัติงานของพนักงานประจำศูนย์อีเอ็มจำนวน 2 ราย ในระยะเวลา 1 เดือน จำนวน 22,500 บาท และ 4.ค่าเสียหายหลังการบอกยกเลิกสัญญาอีกทำให้กรมคุมประพฤติไม่สามารถใช้งบประมาณจำนวน 21,600,000 บาท และไม่สามารถนำงบปี 62 มาใช้ได้อีก 8,188,000 บาท รวมในส่วนนี้เป็นจำนวนเงิน 29,788,000 บาท
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติได้ทำหนังสือแจ้งให้บริษัทสุพรีมฯ ให้รับทราบการยกเลิกสัญญาเช่ากำไล EM พร้อมทั้งสั่งให้จ่ายค่าปรับจากการผิดเงื่อนไขสัญญา เป็นจำนวนเงิน 83,825,810บาท ทั้งนี้ บริษัทจะต้องจ่ายเงินดังกล่าวภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2562 ไม่เช่นนั้น จะส่งเรื่องไปอย่างสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป
สำหรับขั้นตอนการคำนวณค่าเสียหายกรมคุมประพฤติ จะส่งหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นผู้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนอัยการจะเห็นชอบในตัวเลขดังกล่าวหรือไม่นั้นอาจต้องหารือกันอีกครั้ง แต่กรมฯได้พยายามรักษาผลประโยชน์ของรัฐ โดยยังไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าเช่าอุปกรณ์เนื่องจากพบว่ามีปัญหาคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไข พร้อมทั้งได้เร่งรัดให้บริษัทเอกชนคู่สัญญาได้ดำเนินการแก้ไข อย่างไรก็ตาม เห็นชัดจากการพิสูจน์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ได้มีการพิสูจน์กำไลอีเอ็ม พบว่ามีความบกพร่องสามารถถอดออกจากข้อมือได้ด้วยสารหล่อลื่นจริง และไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนมายังศูนย์ปฏิบัติการอีเอ็ม กรมคุมประพฤติ จึงเร่งรัดให้บริษัทดังกล่าวแก้ไขให้ครบถ้วนแต่บริษัทได้ผิดเงื่อนไข พร้อมทำการได้ยกเลิกสัญญาแล้ว พร้อมกันนี้ กรมคุมประพฤติได้แจ้งไปศาลของดใช้กำไลอีเอ็มจนกว่าจะมีการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ
"หลังจากนี้ กรมคุมประพฤติ ต้องแจ้งรายงานไปยังศาลเพื่อของดใช้กำไลอีเอ็ม จนกว่าจะสามารถปรับปรุงในทางปฏิบัติได้ ส่วนผู้ถูกคุมประพฤติด้วยกำไลอีเอ็ม ขณะนี้มีประมาณ 541 เครื่องจะทยอยยกเลิกและให้ศาลใช้ดุลยพินิจดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การใช้กำไลอีเอ็ม เป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรมเพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำที่มีกว่า 360,000 คน ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การเข้าใหม่เพิ่มสูงขึ้นกว่าการลดโทษหรือพักโทษ การแก้ปัญหาตรงจุดนี้ต้องอาจปรับปรุงข้อกฎหมาย ขยายเรือนจำ โดยให้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ตั้งคณะกรรมการพิจารณาภายในงบประมาณปี 63" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทราบว่าได้มีการยกเลิกสัญญาเช่าให้กำไลอีเอ็มแล้วและขอให้ประสานไปยังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดทั่วประเทศ ที่ผ่านมากรมคุมประพฤติ ได้มีการนำกำไลอีเอ็มมาใช้กับผู้ที่ถูกคุมประพฤติ จำนวนกว่า 500 คน แม้จะมีการทำสัญญาเช่า 4,000 เครื่อง เนื่องจากอุปกรณ์ของทางบริษัทมีปัญหา โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้แจ้งไปยังศาลทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อยกเลิกการใช้แล้ว ซึ่งศาลจะได้มีการนำกำไลอีเอ็มในส่วนของศาลมาใช้ ขณะที่ยุติธรรมจังหวัดได้ยกเลิกการใช้ แต่ได้ให้ผู้ที่ถูกคุมประพฤติที่ใช้กำไลอีเอ็มทำตามเงื่อนไข เช่น การมารายงานตัวและการบำเพ็ญประโยชน์ ทำงานบริการสังคม เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี