กองทัพเรือ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 25 ลำจากสกลนคร ลงพื้นที่อุบลราชธานี เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง โดยเรือผลักดันน้ำชุดแรก ออกเดินทางจากสกลนครแล้ว พร้อมเดินหน้าผลักดันน้ำลงสู่แม่น้ำโขง เย็นวันนี้
วันที่ 21 กันยายน 2562 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้กองทัพเรือ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 25 ลำที่เสร็จสิ้นภารกิจการผลักดันน้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เดินทางต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ในการเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานีให้ไหลลงสู่แม่น้ำโขงโดยเร็วที่สุด
เสนาธิการทหารเรือ กล่าว่า พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จึงได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เตรียมเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือให้มีความพร้อม ตลอดจนเร่งรัดการลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 25 ลำที่ดำเนินการการผลักดันน้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนครจนเข้าสู่สภาวะปกติเรียบร้อยแล้ว ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ตามที่ได้รับการร้องขอจากทางจังหวัดอุบลราชธานี
โดยวันที่ 21 กันยายน 2562 เมื่อเวลา 14.45 น. พลเรือตรี กวี องคะศิลป์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายแผนทหารเรือพระจุลจอมเกล้ากรมอู่ทหารเรือ /รองหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำกองทีพเรือ ซึ่งควบคุมการปฏิบัติในพื้นที่ ได้เป็นประธานในการปล่อยรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำชุดแรกจำนวน 12 ลำ และตู้พักอาศัย 1 ตู้พร้อมเรือท้องแบน 1 ลำ โดยคาดว่าจะถึงจังหวัดอุบลราชธานีช่วงค่ำๆของวันนี้ ซึ่งเมื่อถึงพื้นที่แล้วจะทำการติดตั้งและเดินเครื่องในโอกาสแรก
ส่วนขบวนรถชุดที่ 2 จะถึงจังหวัดสกลนครในช่วงเย็นวันนี้ และจะทำการเคลื่อนย้ายเรือผลักดันน้ำที่เหลือ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้เช้า โดยคาดว่าน่าจะเข้าพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้ช่วงเย็นๆ ซึ่งเรือผลักดันน้ำทั้ง 25 ลำ จะทำการติดตั้งบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูลอำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งคาดว่าจะทำให้มวลน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีไหลลงสู่แม่น้ำโขงได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับ เรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัยในปี 2554 ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วันขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี