ชาว"สามชุก"ร้องDSI ถูกอมเงินค่าฌาปนกิจศพ แฉ!!หักหัวคิวหนัก5หมื่นถึงเกือบแสนบาท ยัดเยียดเซ็นสมัครใจบริจาค "ป้าวัย60"โอดต้องแบกหน้าส่งต่อเพราะเสียดายเงินที่ส่งไปกว่า10ปี
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายศักดิ์ชาย ชาติเจริญรัตน์ ตัวแทนผู้เสียหายจากกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์กองทุนหมู่บ้าน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี นำชาวบ้านจำนวน 80 คน เข้าพบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ ขอให้ดีเอสไอรับสวนสวน กรณีผู้บริหารกองทุนฌาปนกิจฯ บริหารเงินกองทุนส่อไม่โปร่งใสจากยอดเงินต้องจ่ายจริงจำนวน 120,000 บาท ต่อผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่กลับบังคับเซ็นให้บริจาครายละ 50,000 - 95,000 บาท
"ในทางปฏิบัติทายาทผู้ตายจะได้รับเงินเฉลี่ยรายละไม่เกิน 20,000 - 50,000 บาท โดยจำนวนเงินส่วนต่างที่เหลือเจ้าหน้าที่จะนำเอกสารมาให้เซ็น ระบุว่ามีการสมัครใจบริจาคเพื่อการกุศลต่างๆ ทั้งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยากจนไม่มีจะกิน ไม่พอที่จะทำศพ แต่กลับถูกบังคับให้บริจาครายละ 50,000 ถึง 90,000 บาท จะเป็นไปได้อย่างไร และเมื่อตรวจสอบไม่พบว่าเงินบริจาคถูกนำไปเข้าบัญชีกองทุนหมู่บ้าน จึงอยากขอให้มีการตรวจสอบย้อนหลัง
นายศักดิ์ชาย กล่าวว่า โครงการฌาปนกิจฯ สงเคราะห์ เป็นผลสืบเนื่องมาจากโครงการกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ซึ่งกำหนดว่า หากสมาชิกต้องการกู้เงินกองทุนหมู่บ้านจะต้องเป็นสมาชิกโครงการฌาปนกิจฯ กรณีเสียเสียชีวิตจะสามารถนำเงินฌาปนกิจมาหักหนี้กองทุนหมู่บ้านได้ ส่วนผู้สูงอายุยังสามารถสมาชิกกองทุนผู้สูงอายุได้ โดยมีการเรียกเก็บเงินแรกเข้ารายละ 10 บาท เมื่อเสียชีวิตทายาทจะได้รับเงินอีก 120,000 บาท โดยตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันพบว่า ในพื้นที่ อ.สามชุก มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 2,000 ราย อาจมีการตุกติกจ่ายเงินไม่ครบ โดยเฉพาะเงินผู้สูงอายุจำนวน 120,000 บางรายเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะมียอดเบิกรับเงินย้อนหลัง
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.สามชุก จำนวน 100 คดี ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ไม่มีความคืบหน้า เคยเข้ามาร้องที่ดีเอสไอเมื่อปี 57 และทางดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์สืบสวนสะกดรอยไปสอบปากคำชาวบ้านไว้แล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนจึงร้องขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอ และขอให้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากประธานกองทุนฯ เป็นอดีตกำนัน และยังเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของนักการเมือง ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ขณะที่ นางลมุด ชาวปลายนา อายุ 60 ปี ชาวบ้าน ต.ย่านตาขาว กล่าวว่า นางนกแก้ว อินสว่าง มารดาของตน ไม่เคยกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน แต่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ ต่อมาในปี 2557 มารดามีอายุ 87 ปี ได้เสียชีวิตลง ตนจึงไปติดต่อขอรับเงินฌาปนกิจศพได้รับเงินมาเพียง 40,000 บาท ต่อมาภายหลังได้ทางกองทุนฯ ได้ปิดประกาศแจ้งให้ทราบว่า สมาชิกทุกรายที่เสียชีวิตจะต้องได้รับเงินฌาปนกิจ จำนวน 120,000 บาท โดยที่ผ่านมาได้ไปทวงถามก็ไม่มีคำตอบ จึงอยากรู้ว่าเงินส่วนต่างที่จะเหลือไปอยู่ตรงไหน เพราะเป็นไปไม่ได้ว่าตัวเองจะเต็มใจบริจาคเงินถึง 80,000 บาท ทั้งๆ ที่ครอบครัวยากจน ไม่มีจะกิน
"ทุกวันนี้ป้าก็ยังส่งเงินเข้ากองทุนทุกเดือน เดือนละ 200 บาท ชาวบ้านส่วนใหญ่ส่งเงินกันมาหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยไปถามเรื่องเงินส่วนต่างที่ถูกหักไปไม่ใช่ป้ารายเดียว หลายๆ คนไปถาม ก็จะถูกเจ้าหน้าทีของกองทุนฯ ไล่ให้ไปลาออก แต่เราส่งเงินมาตลอดกว่า 10 ปี กลัวตายแล้วไม่มีเงินทำศพ เลยจำใจต้องหน้าด้านส่งต่อไป ที่มาร้องดีเอสไอเพราะชาวบ้านอยากได้ความเป็นธรรม และไม่อยากให้มีขบวนการหากินกับศพคนตาย" นางลมุด กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเสนอให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ รับกรณีกองทุนฌาปนกิจ อ.สามชุก ไว้สืบสวน และส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมประเด็นให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด ในระหว่างนี้หากชาวบ้านรายได้รู้สึกหวาดกลัวหรือถูกข่มขู่จนอาจไม่ได้รับความปลอดภัย ขอให้ยื่นคำร้องเพื่อขอเข้ารับการคุ้มครองพยานเข้ามาได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี