การเจรจาอันยาวนานในการผลักดันการซื้อขายในรูปแบบที่ 1 (Tier 1) ระหว่างญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ โดยมีฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์เป็นตัวกลาง หรือฝ่ายอำนวยความสะดวก ตามที่ได้เล่ามาในฉบับก่อน ผมขอเล่าเพิ่มอีกนะครับจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนความเพราะมีอะไรหลายอย่างน่าสนใจ เนื่องจากเป็นสิ่งใหม่ที่พวกเราเกือบทั้งหมดไม่เคยทำมาก่อน
การเจรจาครั้งที่ 3 กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงของญี่ปุ่น ขอเป็นเจ้าภาพ โดยคราวนี้ นอกจากผู้แทนฟิลิปปินส์แล้ว ยังได้เชิญฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์ไปร่วมด้วย (ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียวมีเฉพาะญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์คุยกันเอง) ซึ่งในการเดินทางไปกรุงโตเกียวครั้งนี้ราวๆ กลางปี 2561 ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นประจำแอปเตอร์ก็ร่วมไป เพราะจะได้เป็นไกด์คณะพวกเราด้วยอีกทั้งเขาทำงานอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานตัวแทนฝ่ายญี่ปุ่นพร้อมทั้งเป็นสถานที่สำหรับจัดพบปะพูดคุย ส่วนฝ่ายฟิลิปปินส์นำโดยรองผู้บริหารสูงสุด เป็นสุภาพสตรี (สมกับที่จะรับบทเจ้าสาวเลย)
การได้เข้าไปอาคารกระทรวงเกษตรฯ ของญี่ปุ่นครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากที่ผมเคยเข้าไปครั้งแรกเมื่อสมัย 23 ปีที่แล้ว สมัยนั้นผมยังเป็นนักวิชาการเกษตร อยู่ที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับทุนไจกา ไปฝึกอบรมด้านวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ที่ศูนย์ไจกาแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวใกล้ๆ ย่านการค้าชินจูกุอันโด่งดัง ทางผู้จัดฝึกอบรมได้พาพวกผมไปเยี่ยมกระทรวงเกษตรฯ ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ย่านคาซูมิกาเซกิ ไม่ไกลจากพระราชวังอิมพีเรียลมากนัก เพื่อฟังบรรยายสรุป สังเกตแล้วทั้งสถานที่ สภาพตึกอาคาร เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น คือสะอาดสดใส ไม่มีความเก่าหมองเข้ามาเยือนเลยสักนิด
ปัจจุบันการเข้าไปในตัวอาคารกระทรวงเขาไม่ได้ง่ายเหมือนเข้ากระทรวงเกษตรฯ บ้านเราที่ใครๆ ก็เดินเข้าไปได้เลยนะครับ ก็ทั้งๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ มีแต่น้ำล้อมรอบ คนลักลอบเข้าเมืองยากที่สุดอยู่แล้ว แต่ระบบการรักษาความปลอดภัยของเขาถือว่าเยี่ยมมาก วิธีการคือ ทุกคนต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มและมีคนญี่ปุ่นในกระทรวงรับรองว่าเข้าไปทำภารกิจอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้บัตรห้อยคอคนละ 1 ใบ เมื่อจะเข้าต้องแตะบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้ประตูอัตโนมัติเปิดให้เดินเข้าไป พวกเราพร้อมทั้งผู้แทนฟิลิปปินส์ เมื่อพร้อมกันแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปพบกับท่านผู้อำนวยการกอง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายญี่ปุ่น พบทักทายเบื้องต้น แล้วแกก็พาพวกเราทั้งหมดไปพบกับท่านอธิบดีเพื่อเยี่ยมคำนับก่อน
ท่านอธิบดีญี่ปุ่นคนนี้ผมรู้จักดี เพราะเคยเจอแกที่เสียมเรียบ กัมพูชา ในคราวประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์เมื่อสองปีก่อน และก็เจอแกอีกครั้งหลังจากนั้น เมื่อแกเดินทางมาเมืองไทยและแวะเยี่ยมสำนักเลขานุการแอปเตอร์ เมื่อไปพบแกก็ดีใจและพูดคุยกันอย่างกันเอง สังเกตดูสภาพห้องอธิบดีญี่ปุ่นแล้ว ผมว่าสู้ห้องอธิบดีของไทยไม่ได้ครับไม่ว่าจะในด้านความใหญ่โตรโหฐาน ความโอ่อ่า ประดับประดา หรือแม้แต่คณะหน้าห้องต่างๆ มิน่าเล่าญี่ปุ่นเขาถึงเจริญกว่าเรา (เกี่ยวไม่เนี่ยะ) เมื่อเสร็จสิ้นการพูดคุยและถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ ผู้อำนวยการ
กองก็พาคณะเจรจาไปที่ห้องประชุมเพื่อเริ่มต้นพูดคุยเรื่องการซื้อขายข้าวในรูปแบบที่ 1 ทันที ก็เป็นห้องประชุมเล็กๆ นั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยมีหัวหน้าคณะเจรจาทั้งคู่นั่งกลาง ขณะที่ทางญี่ปุ่น แม้ผู้อำนวยการกอง หัวหน้าคณะจะเก่งภาษาอังกฤษมาก เพราะเคยทำงานอยู่ในยุโรปมาก่อน แต่เขาก็ยังมีล่ามมืออาชีพนั่งอยู่ด้วย เรียกว่าทุกประเด็นไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ อ่อนไหวหรือละเอียดอ่อนหรือไม่ เขาจะเก็บไว้ทุกเม็ด ไม่ให้หลุดเลย นี่แหละ คือ ความพิเศษของญี่ปุ่นเขาละ จนถึงเวลาพักเที่ยงทางเจ้าภาพญี่ปุ่นก็เลี้ยงอาหารกลางวัน ก็เป็นข้าวกล่องญี่ปุ่น ที่เรียกว่า เบนโตะ ซึ่งซื้อจากห้องอาหารใกล้ๆ แล้วนำขึ้นมากินรวมกันในห้องประชุมนั้นเอง กระทั่งอิ่มหนำสำราญ บ่ายเศษๆ เราจึงได้พูดคุยประชุมกันต่อ
การเจรจาที่ญี่ปุ่นนับว่าคืบหน้าไปกว่าที่เจรจาที่ฟิลิปปินส์มากทีเดียวเพราะบางประเด็น เช่น ราคาข้าว ชนิดและลายละเอียดข้าว วิธีการตรวจสอบ วิธีการขนส่ง กรรมสิทธิ์ในตัวข้าว และอื่นๆ ทางญี่ปุ่นผ่อนปรนให้ทางฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น ยังเหลือเพียงบางประเด็นที่ทางผู้ซื้อขอรับไปหารือฝ่ายนโยบายของตัวเองก่อน และจะให้คำตอบภายหลัง สรุปการเจรจาครั้งนี้มองเห็นหนทางแจ่มใสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลง ก็เลยคาดว่าทั้งหมดนี้จะใช้เวลาการประชุมเพิ่มอีกเพียง 1 ครั้ง โดยครั้งที่เพิ่มนี้เห็นตรงกันว่าจะมาพูดคุยกันที่กรุงเทพฯ อันเป็นที่ตั้งของสำนักเลขานุการแอปเตอร์ในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี