เดือนกันยายน เป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณสำหรับหน่วยงานราชการ เป็นธรรมเนียมของหน่วยงานที่จะต้องมีการประชุม สัมมนา และจัดงานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณสำหรับผู้เกษียณอายุราชการ เป็นการขอบคุณ ผู้ที่ปฏิบัติงานให้กับองค์กรมาเป็นเวลานานจนถึงวาระเกษียณอายุราชการ ในวัย 60 – 61 ปี (บางท่านมีแถมเพราะเกิดหลังวันที่ 30 กันยายน)
ปีนี้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่อธิบดีกรมการข้าว ประสงค์ ประไพตระกูล ที่ทำงานจนวันสุดท้าย 30 กันยายน 2562 เดินลงจากตึกที่ทำการ รับดอกกุหลาบแดงจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่มารอส่งจากชั้นบน จนถึงชั้นล่าง ได้กุหลาบแดงหอบใหญ่ล้นเกินจะหอบได้ ก่อนที่จะขับรถเบนซ์ส่วนตัวกลับบ้าน ถอดหัวโขนไว้ที่กรมการข้าว.......
นอกจากนี้ยังมี อธิบดีกรมหม่อนไหมศิริพร บุญชู อธิบดีกรมประมง อดิศร พร้อมเทพเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จริยาสุทธิไชยา ซึ่งบรรยากาศการจากลากับผู้ใต้บังคับบัญชาคงไม่แตกต่างกัน.......คนเก่าไปคนใหม่มา.....มาแทนคนที่เกษียณบ้าง มาแทนคนที่ถูกย้ายบ้างว่ากันไป....ลอตแรกของการแต่งตั้งคนใหม่มาแทนคนเก่า คือ สุดสาคร ภัทรกุลนิษฐ์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวงมาเป็นอธิบดีกรมการข้าว มีศักดิ์ ภักดีคงจากรองปลัดกระทรวง มาเป็นอธิบดีกรมประมงเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง จากผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โดยโยกอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร(เดิม) สำราญ สาราบรรณ์ ไปเป็นรองปลัดกระทรวง
ลอตที่ 2 แต่งตั้ง ระพีภัทรจันทรศรีวงศ์ จากผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ วสันต์ นุ้ยภิรมย์ รองอธิบดีกรมหม่อนไหม ขึ้นเป็นอธิบดีกรมหม่อนไหม.......นอกนั้นจะมีตำแหน่งว่างของผู้ตรวจราชการกระทรวง และ รองอธิบดีอีกหลายกรม ที่เกษียณอายุราชการ ให้คนที่อยู่ได้หมุนเวียนเติบโตอีกหลายท่าน...ขอให้ทุกท่านโชคดี
การแต่งตั้งโยกย้ายระดับอธิบดีคงลงตัวแล้ว แต่อย่างที่เคยบอกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในบรรยากาศการขับเคลื่อนด้วยนักการเมือง....กรมที่หลายคนเป็นห่วง คือ กรมวิชาการเกษตร ที่ถูกการเมืองเล่นแรงเกิน....นับตั้งแต่ได้รัฐมนตรีช่วยว่าการหญิงมาดูแล ด้วยการชูธงแบนสารเคมี 3 ชนิด โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสารเคมี 3 ชนิด ที่จะแบน หรือยกเลิกนั้นเขาใช้ทำอะไร ใช้อย่างไร ใช้กับพืชอะไร แบนแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และที่เขาทำกันมาเป็นแรมปี เขาทำกันไปถึงไหนแล้ว
กรมวิชาการโดนดิสเครดิต ตั้งแต่การรายงานข้อมูลสต๊อคสารเคมีที่ไม่รวดเร็วทันใจจนรัฐมนตรี ต้องบุกมาขอข้อมูลเองถึงสำนักงาน ได้ข้อมูลไปแล้วยังมีการตรวจสอบด้วยการบุกไปดูการทำงานของด่านตรวจพืชท่าเรือ กรุงเทพฯ ของกรมวิชาการเกษตร เพื่อจะดูว่าการนำเข้าสารเคมี3 ชนิดนั้น เมื่อนำเข้ามาแล้วกระจายไปอยู่ที่ใดบ้างตรงกับข้อมูลที่ได้มาหรือไม่ พร้อมกับบอกว่า“เมื่อมีการยกเลิก ของเหล่านี้ต้องหายไปไม่ใช่การยืดเวลาขายของ เราต้องการให้สาร 3 ชนิดนี้ขาดไปเลย”
จากคำพูดนี้ แสดงให้เห็นว่า ท่านไม่เข้าใจการทำงาน และกระบวนการในการยกเลิกการใช้สารเคมี ซึ่งต้องมีระยะเวลานานพอสมควร ที่จะให้สินค้าที่มีอยู่ในสต๊อคของผู้ประกอบการค่อยๆ หมดไป ด้วยมาตรการห้ามนำเข้ามาเพิ่มเติม และจำกัดการใช้ คือใช้ให้ถูกวิธี ใช้ให้ปลอดภัย ใช้ในพืช และพื้นที่ที่กำหนด และมาตรการควบคุมอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอบรมเกษตรกร ชี้แจงทำความเข้าใจในมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด กับเกษตรกรอยู่แทบเป็นแทบตายทั่วประเทศในขณะนี้ โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ตุลาคม ที่จะถึงนี้
มาตรการที่บังคับใช้ คือ เกษตรกรที่จะซื้อสารเคมี 3 ชนิดนี้ ไปใช้ได้ จะต้องผ่านการอบรมการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องก่อน และต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรเท่านั้น ผู้ที่ใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้ ฉีดพ่นในแปลงพืช จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมวิธีการฉีดพ่นที่ถูกต้อง และปลอดภัยจากกรมวิชาการเกษตรก่อน จึงจะอนุญาตให้ฉีดพ่นได้สารเคมีกำจัดวัชพืช พาราคาควอต และไกลโฟเซต จะใช้ได้กับพืช 6 ชนิดเท่านั้น คือ ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อยและ ไม้ผล คลอร์ไพรีฟอส ใช้เฉพาะกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผลเท่านั้น ห้ามใช้สาร 3 ชนิดในนาข้าว พืชผัก สมุนไพร พื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ต้นน้ำ
มาตรการจำกัดการใช้ ยืดเวลาการขายจริง แต่เป็นการยืดเวลาเพื่อให้สินค้าหมดไปด้วยวิธีการที่ไม่เสียหาย การที่ท่านประกาศจะยกเลิกการใช้ แล้วให้สารเคมี 3 ชนิด หมดไปทันทีนั้น ทำได้อย่างเดียว คือเอามาเผาทำลาย เหมือนการทำลายยาเสพติด ผู้ประกอบการยอมหรือไม่....เพราะเขานำเข้ามาจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และจำหน่ายมานานเป็น 30-40 ปี....เป็นธรรมกับเขาหรือไม่....ถ้าจะให้ผู้ประกอบการยอมก็คือ รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ซื้อสารเคมีเหล่านั้นเอง เพื่อนำมาทำลาย การทำลายสารเคมีไม่ใช่เผาทำลายง่ายๆ แบบยาเสพติด ต้องมีวิธีการและต้องใช้เตาเผาพิเศษ แน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่รั่วไหล..ฯลฯ สารพัดปัญหาละท่าน ถ้าท่านจะโหนกระแส......แต่ถ้าท่านจะทำด้วยความสุขุมคำภีรภาพ ท่านก็จะประสบความสำเร็จ และได้ใจมวลชน อย่างน้อยก็เกษตรกรที่ยังจำเป็นต้องใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้อยู่
คิดสิ...คิดถึงคนอื่นบ้าง...
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี