ช่วงที่ผ่านมาปรากฏการณ์ที่มักจะไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในแวดวงการเกษตรของประเทศ คือ ความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาก ระหว่างเกษตรกรกับคนเมือง ซึ่งเป็นผู้บริโภคและไม่ได้เป็นเกษตรกร ต่างคนต่างก็มองความจำเป็นของตนเองเป็นที่ตั้ง ทั้งทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม จนเกิดวาทกรรมที่ฟังแล้วน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ในขณะที่อีกกลุ่มมองเห็นถึงความจำเป็นในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าด้วยเหตุดังกล่าว จะขยายผลให้เกิดความแตกแยกทางความคิด และขยายไปสู่การแสดงออกในรูปแบบต่างๆ ในสังคม อาจด้วยความเป็นอัตตา หรือมีสิ่งใดมากีดกั้นระหว่างสองฝ่าย ซึ่งสาเหตุจากผู้ใด หรือวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เท่าที่รับรู้ได้ คือ สังคมเกิดความแตกแยกออกเป็นขั้วๆ และต่างฝ่ายต่างเชื่อในข้อมูลของฝ่ายตนอย่างสุดโต่ง ทั้งนี้เหตุเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว สารเคมีทางการเกษตรไม่ใช่ว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะไม่เคยแบน ก่อนหน้าเหตุการณ์ 3 สารอันครึกโครม สารเคมีทางการเกษตรถูกจัดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 หรือ วอ 4 ห้ามใช้ ห้ามผลิต ห้ามครอบครอง กว่าร้อยชนิด ไม่เห็นเกิดความวุ่นวายเหมือนเช่นปัจจุบัน ที่เกิดการแบ่งขั้ว เกิดจากสาเหตุอันใด เหลือที่จะเดา กลุ่มคนที่ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวจะรู้สึกอย่างไร ก็ไม่อาจทราบได้
เกษตรกรของไทยเรา ได้รับเกียรติจากผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ที่กำหนดนโยบาย ให้ความหวังและผลักดันไปสู่เป้าหมายที่หวังไว้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นครัวของโลก ผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงชาวไทยและชาวโลก ด้วยมาตรฐานระดับนานาชาติ หรือเป็นฐานสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหากต้องการให้เศรษฐกิจของชาติขับเคลื่อนไปได้อย่างเข้มแข็งจะต้องทำให้เกษตรกรแข็งแรง ดังนั้นจึงได้ทุ่มเทเม็ดเงินลงไป เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก นำมาซึ่งการใช้เทคโนโลยีการผลิตรูปแบบต่างๆ ที่ต้องคุ้มค่ากับการลงทุน ให้สามารถปรับปรุงการผลิตให้ได้ปริมาณและคุณภาพตามความต้องการ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ที่เกษตรกรจะได้รับ เมื่อใดก็ตามที่ต้องการฐานเสียง เกษตรกรจะถูกโอบอุ้มและเอาใจใส่เป็นพิเศษ เป้าหมายเพื่อให้ตนสามารถเข้ามาบริหารประเทศและกำหนดนโยบายตามที่ต้องการได้ เมื่อผ่านช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว เกษตรกรกลับกลายเป็นต้นเหตุของการทำให้ประเทศไทยอาบสารพิษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมของประเทศ สุดแต่จะอ้างกันไป การอ้างดังกล่าว ถึงแม้จะมีผู้ที่ทักท้วง และให้ข้อเท็จจริงที่สามารถอ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ กลับไม่รับฟัง และผลักดันไปตามแนวทางที่ตนเองอยากให้เป็น ส่วนปัญหาของเกษตรกรจะเป็นอย่างไร ก็ไปว่ากันอีกที เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเสียงของเกษตรกรตัวจริงมักไม่ค่อยดังเท่ากับเสียงของคนเมืองซึ่งเป็นผู้บริโภค เกษตรกรกลายเป็นลูกไล่อยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในสังคม
การใช้สารเคมีทางการเกษตร เป็นเทคโนโลยีทางการเกษตรชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนระบบการผลิตทางการเกษตรจากการผลิตเพื่อการยังชีพ เป็นการผลิตเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งการลงทุนทางการเกษตรต้องให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน ผลตอบแทนต่อหน่วยต้องเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่ขาดทุน การใช้สารเคมีทางการเกษตรสำหรับงานอารักขาพืชจึงเกิดขึ้น โดยสารเคมีทางการเกษตรมีการพัฒนามายาวนานและมีหลายชนิด การเลือกใช้สารชนิดใดขึ้นกับข้อมูลทางวิชาการที่มีการทดลองและทดสอบประสิทธิภาพมาเรียบร้อยแล้ว หากทุกฝ่ายยอมรับข้อมูล ข้อเท็จจริงทางวิชาการที่มีผู้รู้ที่แท้จริงพยายามนำเสนอ เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้น่าจะจบไปนานแล้ว
ในหลายประเทศ การยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร มีการกำหนดระยะเวลาการจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนเป็นช่วงเวลา 5 ปี 10 ปี ก็ว่ากันไป โดยมีการติดตามความเป็นพิษ และผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น และมีระบบการเฝ้าระวังที่ชัดเจน หรือบางกรณีสารเคมีบางชนิด เกษตรกรไม่ใช้ ก็ไม่มีการต่อทะเบียน สารชนิดนั้นก็ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ซึ่งระบบการยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร หากทุกคนเห็นความจำเป็นที่จะไม่ใช้สารชนิดนั้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม แม้สารนั้นจะยังคงจำหน่ายอยู่ เมื่อไม่มีผู้ใช้ ผู้ขายก็ต้องปรับตัวเช่นกัน ในที่สุดสารนั้นผู้จำหน่ายไม่มาต่อทะเบียนและยุติการจำหน่ายไปในที่สุดเอง
ดังนั้น ถ้าสังคมเข้มแข็ง ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน การหยุดใช้สารเคมีทางการเกษตรชนิดนั้นก็จะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องวุ่นวายไปกับการต้องรณรงค์ให้มีการแบนสารที่ไปก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคมแต่อย่างใด ผมจึงมีความเห็นว่าสิ่งที่สังคมต้องมีร่วมกันคือความรับผิดชอบต่อส่วนรวม สังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขเมื่อทุกคน
รู้ว่าตนเองมีหน้าที่และความรับผิดชอบใด อย่าคิดแทนหรือต้องให้ใครมาคิดแทน เพราะทุกคนเป็นองค์ประกอบของสังคมเหมือนกัน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี