KU Beef แบรนด์ของสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด นำโคเนื้อสายพันธุ์บราห์มัน โคพันธุ์พื้นเมือง และโคพันธุ์ชาโรเลส์มาปรับปรุงสายพันธุ์ จนได้โคลูกผสมพันธุ์กำแพงแสน หรือที่รู้จักกันในนาม “โคเนื้อกำแพงแสน” ที่เข้ากับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศไทย และได้นำมาส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์เลี้ยงเป็นอาชีพสร้างรายได้ พร้อมส่งแปรรูป จนได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
นายสุรชัย เปี่ยมคล้า ผู้จัดการสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด เล่าให้ฟังว่า สหกรณ์ฯ เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2536 โดยเริ่มจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน โดยมีโครงการปรับปรุงพันธุกรรมและสมรรถภาพการผลิตโคพันธุ์กำแพงแสน เมื่อเกษตรกรเข้าร่วมโครงการก็จะมีลูกโค ทั้งเพศผู้และเพศเมีย โคเพศเมียใช้เป็นแม่พันธุ์ ส่วนโคเพศผู้ มีเพียงบางส่วนที่สามารถนำมาเป็นพ่อพันธุ์ได้โดยเฉลี่ยในเพศผู้ 100 ตัว สามารถทำเป็นพ่อพันธุ์ได้เพียง 20 ตัว เท่านั้นจึงเกิดคำถามว่าจะทำอย่างไรกับโคเพศผู้ที่เหลือเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวของเกษตรกร จัดตั้งสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสนจำกัด ขึ้นมา เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนและจัดการด้านการตลาดโคขุนเพื่อรองรับกำลังการผลิตของสมาชิก โดยสหกรณ์ดำเนินการเปิดรับสมาชิกทั่วประเทศ สมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของโครงการปรับปรุงพันธุกรรมและสมรรถภาพการผลิตโคพันธุ์กำแพงแสน และสมาชิกผู้เลี้ยงโคเนื้อทั่วไปมีเครื่องหมายทางการค้าคือ KU Beef (เคยูบีฟ) นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคด้วย
ปัจจุบันสหกรณ์ฯ ได้มีการขยายการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลผลิตของสมาชิก พร้อมกับแปรรูปเพิ่มช่องทางการตลาด โดยสหกรณ์ฯ ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 10,850,154 บาท โดยสหกรณ์สมทบ 10% เป็นเงิน 1,085,015.40 บาท เพื่อนำมาจัดซื้ออุปกรณ์แปรรูปต่างๆ ประกอบด้วย เครื่องบรรจุสุญญากาศ ขนาดปั๊มป์ 21 ล.บ.ม./ชม. 4 เครื่อง,เครื่องบรรจุสุญญากาศ 2 ช่อง ขนาดปั๊ม 302 ลบ.ม./ชม.1 เครื่อง, เครื่องบรรจุสุญญากาศแบบ Skin Pack ขนาดปั๊ม 100 ลบ.ม./ชม.1 เครื่อง, เครื่องสไลด์เนื้อ ขนาด 0.5 แรงม้า 4 เครื่อง, เครื่องสไลด์เนื้ออัตโนมัติ ขนาด 1,500 วัตต์ 2 เครื่อง, ชุดมีดเลาะซากและตัดแต่งเนื้อโค1 ชุด, อุปกรณ์ล้างเครื่องมือ3 ชุด, เลื่อยสายพานตัดกระดูก ขนาด 2 แรงม้า 1 เครื่อง, ระบบน้ำร้อนทำความสะอาด ทำอุณหภูมิ 90 องศา1 ชุด, รถห้องเย็น 4 ล้อ พร้อมตู้และเครื่องทำความเย็น1 คัน, อุปกรณ์และระบบไฟฟ้าสำรอง1 ชุด, ห้องเย็นสำเร็จรูปพร้อมเครื่องทำความเย็นอุณหภูมิ -30 -25 องศาเซลเซียส ขนาด 3x3x4 เมตร 1 ห้อง และห้องเย็นสำเร็จรูปพร้อมเครื่องทำความเย็นอุณหภูมิ -5 -25 องศาเซลเซียสขนาด 5x8x5.5 เมตร 5 ห้อง
“จากการได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์ฯสามารถผลิตเนื้อแปรรูปที่มีมาตรฐาน คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษา เพิ่มมูลค่าเนื้อโคขุน และมีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจะจำหน่ายเนื้อโคขุนในรูปแบบของชิ้นส่วนใหญ่ (Wholesale cut) ชิ้นส่วนย่อย (Retail cut) และผลิตภัณฑ์จากเนื้อโคขุน เช่น เนื้อแดดเดียว ไส้กรอก เบอร์เกอร์ และเนื้อเสียบไม้ โดยสหกรณ์ฯได้เชื่อมโยงการตลาดผ่านเครือข่ายสหกรณ์ในการเป็นศูนย์กลางการรวบรวมและส่งจำหน่าย นอกจากนี้ ยังส่งเนื้อโคไปจำหน่ายยังห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร และแผงค้าเนื้อต่างๆรวมทั้ง ร้าน Ku Beef Butcher ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยปัจจุบันสหกรณ์มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,500 ตัวต่อปี” นายสุรชัย กล่าว
สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด มุ่งสร้างความแข็งแกร่งด้านการผลิตส่งเสริมให้สมาชิกเลี้ยงโคเนื้อ ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ-ปลายน้ำ ให้ความช่วยเหลือสมาชิกที่มีลูกคอก(โคแม่พันธุ์ที่ลงทะเบียนไว้กับสหกรณ์แล้วให้ลูก) ส่วนสมาชิกผู้ขุนโค สหกรณ์ฯจะให้เงินสนับสนุนการขุนโค ตัวละ 3,500 บาท และให้เงินสนับสนุนลูกคอก ตัวละ 2,000 บาท เมื่อนำโคมาลงทะเบียนขุนหรือมาลงทะเบียนลูกคอก เพื่อให้ได้โคขุนที่มีคุณภาพและน้ำหนักดี
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์โคเนื้อของสหกรณ์กำแพงแสน จำกัด ได้รับการยอมว่าเป็นเนื้อโคขุนเกรดคุณภาพที่มีรสชาติดีที่สุดในประเทศไทย และมีจุดขายโดดเด่นเหมาะสมกับสโลแกนที่ว่า “เนื้อนุ่ม จากโคหนุ่ม ไขมันน้อย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี