“นายกฯ”สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงสหรัฐฯชะลอแบน “ไกลโฟเซต”เสี่ยหนูยันทำตามมติกรรมการวัตถุอันตราย เพราะห่วงสุขภาพประชาชน ติงมะกันห่วงกระเป๋าตัวเอง
“มนัญญา”ไม่หนักใจมะกันจุ้น พร้อมแจงย้ำทุกประเทศ มีเหตุผลของตัวเอง ลุยฟังความเห็นเกษตรกรอุทัยฯดันเป็นจังหวัดนำร่องทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสาร“วราวุธ”ชี้แค่หนังสือสภาหอการค้า ขณะกลุ่มค้านสู้ต่อเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง28 ต.ค.ให้คุ้มครองชั่วคราว งัดหลักฐานลงมติผิดขั้นตอน
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการระดับชาติเตรียมการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนถึงกรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยทำหนังสือถึงนายฯรวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ขอให้ชะลอการยกเลิกใช้สารไกลโฟเชต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สารเคมีทางการเกษตร ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้ยกเลิกใช้ โดยนายกฯกล่าวเพียงสั้นๆว่า จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจง
เสี่ยหนูยันจุดยืนเดิมเมินมะกันค้าน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.)กล่าวในประเด็นนี้ว่า ที่จริง สภาหอการค้าสหรัฐอเมริกาทำหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคมส่งถึงประเทศไทยแล้ว ก่อนที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมพิจารณายกเลิก 3 สารเคมี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ทำไมถึงออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วันเช่นนี้ เป็นการกดดันใช่หรือไม่ จะมาบอกว่าไทยจะมีปัญหาเรื่องนำเข้าสินค้าบางตัวจากสหรัฐ ตนคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาห่วงกระเป๋าเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพคนไทย ฉะนั้นเราต้องมีมาตรการ แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกห้ามสารพิษ เพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่
“คณะกรรมการวัตถุอันตรายประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ระชุมภายใต้กฎหมายประเทศไทยใช่หรือไม่ และมีมติห้ามใช้สารเคมีเหล่านี้ โดยที่การเมืองไม่ได้กดดันแม้แต่น้อย มติที่ออกมาเป็นไปตามสำนึกความห่วงใยต่อสุขภาพประชาชน”นายอนุทิน กล่าว และย้ำว่า สธ.ยืนยันตามมติเดิม ส่วนอื่นก็ต้องแล้วแต่เจ้ากระทรวง จริงๆไม่ควรก้าวก่ายกัน กฎหมายใครกฎหมายมัน ส่วนจะชี้แจงหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะไม่ได้ส่งหนังสือมาถึงตน และตนไม่มีหน้าที่ไปชี้แจงประเด็นนี้ ตนและสธ.ต้องรับผิดชอบสุขภาพประชาชน
มนัญญาไม่หนักใจมะกันจุ้นค้าน
เช่นเดียวกับ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯกล่าวเรื่องนี้ว่า ยังไม่ได้กำชับอะไร ส่วนเจตนาของสหรัฐฯ ตนไม่ทราบ จริงๆแล้วเรื่องสุขภาพ สารพิษตกค้างในผัก และผลไม้ เราก็ต้องดูแลไม่ให้คนไทยบริโภคสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็ต้องขอให้แยกส่วนกัน ยืนยันว่า หากสหรัฐฯถามมาเราก็พร้อมชี้แจง เพราะนานาประเทศที่แบนสารเหล่านี้ ก็มีเหตุผลของแต่ละประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ สำหรับตน ไม่มีอะไรที่ทำไปแล้วทำให้หนักใจ ไม่คิดหนักใจเลย เราเป็นผู้บริหารต้องดูแลทั้งเกษตรกรและภาคเอกชน ไม่มีแพ้ชนะ ต้องพูดคุยสร้างความเข้าใจหาทางออก
“ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ขัดแย้งกับผู้บริโภค น่าจะเหมือนขัดแย้งกับเซลล์ขายยาแล้วตอนนี้ แต่ไม่รู้จะไปไกล่เกลี่ยหรือเจรจากับใคร เพราะทำในเส้นทางของตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าใครต้องการพูดคุยด้วย ก็พร้อมเปิดห้องเจรจากัน” น.ส.มนัญญา กล่าว
พร้อมส่งหนังสือแจงยันกม.ใครกม.มัน
และย้ำการยกเลิกการใช้สารเคมีอันตราย3สาร เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการปกป้องสุขภาพคนไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯเตรียมทำหนังสือชี้แจงสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยเร็วๆนี้ และขอย้ำว่า การยกเลิกสารพิษเพื่อให้ไทยที่เป็นครัวของโลกมีอาหารปลอดภัยจริง ไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่ทานเข้าไปมีสารพิษหรือไม่ อีกทั้ง การแบน 3 สาร เป็นเรื่องกฏหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งคงไม่ตอบโต้มากกว่านี้ ส่วนกระทบเรื่องการค้าหรือไม่ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดูแลแก้ไขกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลไทยหรือไม่ รมช.เกษตรฯเผยว่า ขอให้เป็นท่าทีของรัฐบาลต่อรัฐบาล เราทำในฐานะที่เราทำได้ และต้องทำ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตคนไทย ถ้าสารเคมีมีแต่เรื่องดี ทำไม 50 ประเทศจึงยกเลิกใช้ ดังนั้น สหรัฐฯต้องไปถามเวียดนาม ที่ขณะนี้ห้ามใช้สารเคมีแล้วกระทบการค้าระหว่างสองประเทศหรือไม่ ซึ่งปริมาณส่งออกสินค้าเกษตรจากเวียดนามไปสหรัฐฯ มีปริมาณมากกว่าประเทศไทย มาก
ลุยอุทัยฯนำร่องฟังความเห็นเกษตรกร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี น.ส.มนัญญา ลงพื้นที่ประชุมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อหาแนวทางหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายยกเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดคือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส มีผลวันที่1ธันวาคม และรมว.เกษตรฯตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกจากเดิมเคยใช้พาราควอตและไกลโฟเซตเป็นสารป้องกันกำจัดวัชพืช ใช้คลอร์ไพริฟอสเป็นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช สำหรับการลงพื้นที่รับฟังความเห็นครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องที่จ.อุทัยธานีเป็นพื้นที่แรก ก่อนที่จะลงพื้นที่รับฟังความเห็นทั่วประเทศ
น.ส.มนัญญากล่าวว่า วันนี้ได้ชี้แจงเหตุผลที่ต้องยกเลิก 3 สารเคมีการเกษตร รวมถึงทางเลือกที่จะใช้ทำเกษตรต่อไป โดยอยากให้ใช้วิถีเกษตรอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพ เพราะประเทศไทยมีวัตถุทำปุ๋ยที่หลากหลาย และต้องการให้จ.อุทัยธานีเป็นจังหวัดนำร่องปลอดสาร ก่อนขยายผลไปจังหวัดอื่น ส่วนสารทางเลือกที่ว่าจะมีราคาสูงนั้น เป็นการพูดต่อๆกันไป จริงๆ แล้วสารพวกนี้มีอยู่ในตลาดและอยู่ในราคาที่เกษตรกรจับต้องได้
ทส.ยันจุดยืนเดิม-ชี้แค่หอการค้าฯค้าน
ส่วนนายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.)เผยว่า เห็นสำเนาหนังสือที่สหรัฐฯส่งถึงนายกฯและกระทรวงที่เกี่ยวข้องแล้ว เป็นในส่วนของหอการค้าสหรัฐฯเนื้อหาระบุถึงข้อห่วงใจต่อการนำเข้าสินค้าเกษตร ผู้ลงนามเป็นรองประธานหอการค้าสหรัฐฯเท่านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวตนมองว่าไม่ใช่เป็นหน่วยงานระดับรัฐบาลที่จะเข้ามาแทรกแซง ตามที่ข่าวนำเสนอ ดังนั้น ไม่กังวลจะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ทั้งนี้ ในส่วนกรมควบคุมมลพิษ ตัวแทนของทส.ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยังยืนยันจุดยืนยกเลิกใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นอันดับแรก เมื่อเกิดสารตกค้างสะสมกับเกษตรกรไทย เราจึงแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย เชื่อว่าวิธีการใช้ของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ยืนยันเรื่องนี้ไม่หนักใจ เพราะทส.ดูแลสิ่งแวดล้อม เรื่องสารเคมีภาคเกษตรต้องให้รมว.เกษตรฯชี้แจง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีสารทดแทนอยู่แล้ว
28ตค.ฟ้องศาลปค.ขอคุ้มครองชั่วคราว
สำหรับนายสุกรรณ์ สังข์สุวรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยเผยว่า วันที่ 28 ตุลาคม ผู้แทนเกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพดและไม้ผลจะไปยื่นฟ้องศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อพิจารณาคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดคือ คลอร์ไพริฟอส พาราควอตและไกลโฟเซต เดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้น อีกทั้ง ยังไม่มีมาตรการรองรับทั้งการหาสารทางเลือกที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกัน การสนับสนุนด้านเครื่องจักรกลกำจัดวัชพืช และแรงงานที่จะใช้จัดการแปลง
ชี้ถกคณะทำงาน4ฝ่ายทำผิดขั้นตอน
นายสุกรรณ์กล่าวต่อว่า กลุ่มเกษตรกรจะเสนอหลักฐานต่อศาลปกครองว่า การลงมติยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดของคณะกรรมการวัตถุอันตรายผิดขั้นตอน กระบวนการทำงานของคณะทำงาน 4 ฝ่ายขัดคำสั่งนายกฯที่ให้หารือ 4 ภาคส่วน คือ รัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค แต่ในการประชุมคณะทำงานดังกล่าวมีองค์ประกอบผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบคือ ขาดผู้แทนผู้นำเข้า ส่วนผู้แทนเกษตรกร เป็นเกษตรกรอินทรีย์ แต่ไม่มีเกษตรกรพืชเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องใช้สารเคมี 3 ชนิดร่วมให้ความเห็น ดังนั้น ศาลปกครองเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเกษตรกร หวังจะมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินให้ชะลอการยกเลิกออกไป จนกว่าจะมีการนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างรอบด้าน กำหนดมาตรการรองรับที่เหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี