การเดินทางซอกแซกของผมในหมู่ประเทศอาเซียนคงไม่มีสิ้นสุดครับ เพราะเป็นภารกิจหลักของแอปเตอร์ โดยเฉลี่ยแล้วหากรวมทั้งการเข้าร่วมการประชุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เดินทางตกเดือนละ 1 ครั้ง เรียกว่าพาสปอร์ตผมมีการประทับตราของ ตม.ไทยและต่างประเทศเต็มไปหมดครับ
ตอนนี้อยากจะเล่าเรื่องของเมียนมาเพิ่มเติมจากที่เคยเล่ามาแล้วครับ เพราะมักจะไปบ่อย เนื่องจากมีกิจกรรมการช่วยเหลือด้านข้าวค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เพราะท่านรองอธิบดีกรมเกษตรของเขา ซึ่งเป็นคณะมนตรีของแอปเตอร์ด้วย แกให้ความสนใจกิจกรรมของแอปเตอร์มาก เวลาไปประเทศเมียนมาแต่ละครั้ง แกจะดูแลต้อนรับขับสู้อย่างดี ปานว่าเป็นญาติสนิท ประการแรกคือ แกต้องมารับที่สนามบินด้วยตัวเองทุกครั้ง ช่วงต้นๆ แกจะรออยู่ข้างนอกเขตตรวจคนเข้าเมือง รอให้พวกเราเดินผ่าน ตม.แล้วก็เจอแก แต่ตอนหลังๆ เข้าใจว่าแกคงมีประสบการณ์และรู้ช่องทางมากขึ้นแกเลยประสานทาง ตม.มารับข้างในหรือให้คณะเราผ่านช่องทางพิเศษอันรวดเร็วได้เลย
สนามบินที่ย่างกุ้งปัจจุบันมีการสร้างอาคารผู้โดยสารขยายใหญ่ขึ้น และมีหลายอาคาร ต้องใช้รถเวียนระหว่างการเดินทางในและต่างประเทศ สายการบินของเมียนมามีประมาณ 2-3 สาย เป็นของรัฐ 1 สาย ส่วนมากบริการภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และมีเครื่องบินขนาดเล็กและขนาดกลางเท่านั้น ไม่มีขนาดใหญ่ระหว่างประเทศ แต่ธุรกิจการบินของเขาดูเหมือนจะไม่มีปัญหาด้านการขาดทุน อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องไปแข่งขันกับสายการบินต่างชาติ เอาแค่ว่าดำเนินกิจการภายในเฉพาะเพื่อบริการคนเมียนมาเองก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเท่าที่ผมสังเกต ทุกเที่ยวบินที่บินไปในเมืองสำคัญๆ ของเขา จะมีผู้โดยสารเต็มลำตลอด การบริการดีได้มาตรฐาน อันนี้ผิดจากที่ผมคิดไว้แต่แรกที่เดาว่าการบินเมียนมาคงยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร การที่มีคนโดยสารเครื่องบินเยอะเพราะว่าการเดินทางในเมียนมาโดยทางรถยนต์ไม่สะดวกอย่างยิ่ง ส่วนรถไฟก็เช่นกัน ฉะนั้น คนมีเงินจึงไม่นิยมใช้และหันมาใช้เครื่องบินแทน
คราวก่อนๆ ผมนั่งเครื่องบินไปปฏิบัติงานทางภาคเหนือของประเทศเมียนมา เช่น เมืองชิตตเว ของรัฐยะไข่ หรือเมืองมิตจีนา ของรัฐคะฉิ่น แต่คราวนี้ผมจะนำท่านผู้อ่านนั่งรถยนต์ไปแถวรัฐกะเหรี่ยงและรัฐมอญครับ ซึ่งรัฐกะเหรี่ยงนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของเมียนมา มีเขตแดนติดเชื่อมต่ออำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย ส่วนรัฐมอญก็อยู่ใกล้เคียงกันลงมาทางใต้ติดทะเลอันดามันครับ การเดินทางจากย่างกุ้งจะต้องใช้เส้นทางหมายเลข 1 ขึ้นไปทางเหนือผ่านเขตพะโคก่อน และจึงเลี้ยวย้อนลงมาทางทิศใต้ เนื่องจากไม่มีถนนตัดตรง นับว่าอ้อมพอสมควรทีเดียว และเส้นทางนี้จะเป็นเส้นเดียวกันกับที่มุ่งสู่ภาคใต้สุดของเมียนมาที่ติดกับชายแดนจังหวัดระนองของไทย การเดินทางไปรัฐกะเหรี่ยงจะต้องแยกจากเส้นทางหลักไปทางทิศตะวันออก เป็นเส้นทางเดียวกับถนนที่จะมาเชื่อมกับอำเภอแม่สอด
พูดถึงกะเหรี่ยง หรือ Karen พวกเราคนไทยส่วนมากคงคุ้นเคยได้ยินคำว่ากะเหรี่ยงกันมาแต่เกิดใช่ไหมครับ ทั้งนี้ เพราะในประเทศไทยเรามีชนกลุ่มน้อยอาศัยตามเทือกเขาภาคเหนือและภาคตะวันตกที่เรียกว่าชนเผ่ากะเหรี่ยงอาศัยอยู่กระจายทั่วไป จากการที่ได้ไปแจกข้าวสารช่วยเหลือน้ำท่วมที่รัฐกะเหรี่ยงทำให้ผมทราบว่า คนกะเหรี่ยงที่อยู่ในไทยเราก็เป็นชนกลุ่มเดียวกันกับที่มีแผ่นดินในเมียนมาครับ ทั้งนี้ สังเกตจากเสื้อชุดประจำชาติสีขาวลายทางยาวสีแดงที่เขาใส่และยังนำมามอบให้ผมใส่ในพิธีส่งมอบข้าวที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของรัฐ คือ เมืองพะอัน นั้นเหมือนกับที่ชนเผ่ากะเหรี่ยงในไทยใส่เปี๊ยบเลย
เมืองพะอัน ตั้งอยู่ติดแม่น้ำชื่อดัง “สาละวิน” วันนั้นมุขมนตรีของรัฐ หรือ Chief Minister ซึ่งเป็นสุภาพสตรี กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี จัดขึ้นในห้องประชุมของรัฐใกล้ทำเนียบรัฐบาลกะเหรี่ยง ส่วนผู้แทนรัฐบาลกลางเมียนมา คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์และชลประทาน แต่ก่อนวันพิธีการ ท่านรองอธิบดีพาพวกเราไปดูชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม จนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่วัดหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นฤดูฝน มีฝนตกหนัก แม่น้ำสาละวินที่ไหลผ่านเมืองมีระดับน้ำสูงมาก ผู้คนอพยพจะอยู่อาศัยบนศาลาวัด ลูกเล็กเด็กแดงอยู่กันเต็ม พื้นที่ครอบครัวละประมาณ 2 ตารางเมตรหุงข้าวกินกันเป็นวงๆ เห็นพวกเราไปเยี่ยมยังมีน้ำใจเรียกกินข้าวด้วยกันอีก
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี