3 พฤศจิกายน 62 ที่ห้องประชุมเบญจบงกช โรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม กลุ่มครูยุติธรรมภิวัฒน์ ได้จัดเสวนายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีวิทยากรคือ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา นายไชยวัฒน์ สินธุ์สุวงค์ ที่ปรึกษากลุ่มครูยุติธรรมภิวัฒน์ และเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย นายกิตติศักดิ์ อินทรกำแหง ณ นครราชสีมา นายสมคิด หอมเนตร และนายสำคัญ จงโกเย็น ประธานกลุ่มครูยุติธรรมภิวัฒน์แห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา โดยมีครู อดีตข้าราชการครูเกษียณอายุราชการจากจังหวัดมหาสารคามและใกล้เคียงมาร่วมรับฟังกว่า 200 คน
โดยเนื้อหาการเสวนากล่าวถึงความเป็นมาของหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งครูที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงิน โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) มีความประสงค์ที่จะฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบทั้ง 9 ภาค อีกส่วนหนึ่งจะฟ้องศาลคุ้มครองผู้บริโภค โดยประเด็นที่จะฟ้องคือ สัญญาไม่เป็นธรรม เงินกู้ ช.พ.ค. มีการเก็บเงินประกันล่วงหน้า 9 ปี ซึ่งครูเข้าในว่าเป็นเงินประกันชีวิต แต่มาปรากฎว่าเป็นเงินประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ ซึ่งจะไม่ได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดประกัน
นายอวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครู และกลุ่มยุติธรรมภิวัฒน์ได้มาประชุมครูในภาคอีสานซึ่งเป็นผู้นำครูแต่ละจังหวัดที่จะรวบรวมรายละเอียดและประเด็นที่จะยื่นฟ้องธนาคารออมสิน และบริษัททิพยประกันภัย ในประเด็นของการฉ้อฉลการทุจริต โดยจะได้ยื่นฟ้องศาลคดีอาญาทุจริตในแต่ละเขตที่ผู้นำครูตั้งอยู่ ซึ่งจากหลักฐานต่าง ๆ ที่รวบรวมกันมานี้มั่นใจว่าการฟ้องร้องครั้งนี้จะมีความคืบหน้าเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา อีกอย่างก็คือต้องการที่จะเจาะลึกถึงข้อมูลและประเด็นปัญหาให้ลึกที่สุดเพื่อที่นำไปสู่กระบวนการแก้ไข
ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยเรียกร้องให้พักหนี้ หมายถึง ในระหว่างที่กำลังประชุมแก้ปัญหากันอยู่ในช่วงรัฐบาลที่แล้วให้พักนี้ไว้ แต่เมื่อรัฐบาลยุบสภา มีการประกาศเลือกตั้งใหม่ก็เลยขาดช่วงไปช่วงหนึ่ง แต่ว่าจากกระแสการเรียกร้องของครูตั้งแต่ปฏิญญาสารคาม เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 61 ทำให้ทางธนาคารมีการปรับดอกเบี้ยลดลง ในส่วนที่เคยเป็น 15% ลดลงมาเหลือ 7%-9% บางกลุ่มก็เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีในการที่จะเป็นตัวเลขในการที่จะรัฐบาลเข้ามาช่วยสิ่งสำคัญก็คือการพักการชำระหนี้นั้นก็คือให้ดอกเบี้ยและเงินกู้หยุดไว้ก่อน หลังจากนั้นเราได้ยื่นข้อเสนอก็คือให้ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 3 แต่ถ้าครูวิกฤตที่เงินเหลือไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ควรที่จะปรับโครงสร้างหนี้ในระยะเวลา 3-4 ปีก็ให้เหลือ 0% ก่อน
ในส่วนของจังหวัดมหาสารคาม มีครูที่เป็นหนี้ทั้งหมดประมาณ 14,000 คน ส่วนใหญ่ครูที่มีหนี้วิกฤตคือครูบำนาญ ประมาณ 5,000-6,000 คน ซึ่งจากเดิมจากเคยได้รับเงินเดือน 40,000 บาท เกษียณแล้วเงินเดือนจะลดลงกว่าครึ่งหนึ่งคือรับเงินเดือนเพียง 20,000 บาท ทำให้มีปัญหาในการชำระหนี้ เงินไม่พอใช้ ซึ่งประสบภาวะเดียวทั้งประเทศ ซึ่งทั้งประเทศมีครูกว่า 980,000 คน เป็นครูประจำการกว่า 700,000 คน มีครูที่ประสบปัญหาวิกฤตอยู่ไม่ต่ำกว่า 400,000 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี