บุกจับแม่‘แม่มณี’
ร่วมยักยอกเงิน-เครียดจนช็อก
ลูกแชร์โร่แจ้งตำรวจเพิ่ม
สูญ4ล้านขายควาย-ที่นา
ตำรวจนำหมายศาลบุกจับมารดา“แม่มณี”เท้าแชร์ฉาว ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ คาปั๊มน้ำมันกลางเมืองอุดรฯ เจ้าตัวถึงกับช็อกหมดสติหามส่งรพ. สาเหตุเครียดจนความดันขึ้นส่วนที่นครพนม2ลูกแชร์เหยื่อแม่มณีโร่นำหลักฐานโอนเงินแจ้งความ สูญกว่า4ล้าน ทุ่มสุดตัวถึงขั้นขายควายขายที่นา เอาเงินมาเล่นแชร์ วอนนักข่าวอย่าถ่ายภาพ เพราะสามีไม่รู้เรื่อง กลัวถูกทิ้ง ดีเอสไอจ่อเรียกสอบ’ดารา-เน็ตไอดอล’
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี นำกำลังเข้าจับกุม นางธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช อายุ 47 ปี มารดาของน.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ ทิพย์ประเวช หรือแม่มณี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีหลอกลวงผู้เสียหายหลายพันคน ร่วมลงทุนเงินออมในลักษณะแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ได้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.อุดรธานี โดยระหว่างจับกุมเจ้าหน้าที่อ่านหมายจับให้ฟังเพื่อระบุข้อกล่าวหาร่วมกันยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน ปรากฎว่านางธวัลรัตน์ ซึ่งเกิดอาการเครียดจัด ให้การปฏิเสธทั้งน้ำตาว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ลูกสาวมาขอให้ช่วยเปิดบัญชี บอกว่าจะไปทำธุระจึงยอมช่วยเหลือ ต่อมาระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวไปขึ้นรถ เพื่อไปสอบสวนต่อ นางธวัลรัตน์เกิดเป็นลมล้มหมดสติทันที เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่งรพ.รักษาอาการโดยด่วน จากการตรวจอาการเบื้องต้นแพทย์พบว่า นางธวัลรัตน์มีความดันสูง ตำรวจจึงทำเรื่องขอให้ส่งตัวนางธวัลรัตน์ไปรักษาที่ร.พ.ศูนย์อุดรธานีต่อไป
พล.ต.ต.นันทชาติเปิดเผยว่า ช่วงที่กำลังคุมตัวน.ส.ธวัลรัตน์ ไปดำเนินคดีที่โรงพัก เจ้าตัวเกิดตกใจจนเป็นลม จึงต้องเปลี่ยนแผนนำตัวไปส่งรพ.เทศบาลนครอุดรธานี ก่อนส่งต่อรพ.ศูนย์อุดรธานี เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ให้ยาลดความดันใส่สายออกซิเจนช่วยหายใจทันที คาดว่าคงเกิดจากความเครียดมาก เท่าที่พูดคุยแม่ของแม่มณียังยืนยันอ้างว่า สงสัยเหมือนกันทำไมลูกสาวมีเงินมากมายขนาดนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตัวแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่เมื่อมีหมายจับออกมาแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร โดยคำกล่าวอ้างทั้งหมดคงต้องไปสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย ต่อไป” พล.ต.ต.นันทชาติกล่าว
วันเดียวกัน ร.ต.อ.พยุง ศรีโฮง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เผยว่า พบผู้เสียหาย 2 ราย เป็นลูกแชร์แม่มณีนำหลักฐานการโอนเงินเล่นแชร์แม่มณี เข้าแจ้งความ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ลูกแชร์แม่มณีทั้งสองราย เป็นญาติกัน ภูมิลำเนาอยู่ในเขตอ.เมืองนครพนม คนแรกชื่อ น.ส.หน่อย (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี อาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด คนที่สองชื่อ น.ส.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี อาชีพรับซื้อข้าวเปลือก และมีรถเกี่ยวข้าวรับจ้าง ซึ่งน.ส.หน่อยเปิดเผยว่า รู้จักแม่มณีในเฟซบุ๊คได้ประมาณปีเศษ แม่มณีก็ชักชวนให้มาร่วมกันลงทุนในโครงการออมเงินแม่มณี โดยเสนอดอกเบี้ยสูงอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 93 จากเงินลงทุนในเวลา 1 เดือน เช่น หากลงทุน 1,000 บาท จะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 1,930 บาท ประกอบกับตนชื่นชมแม่มณีที่เริ่มต้นจากแม่ค้าขายตุ๊กตาออนไลน์ และเป็นเน็ตไอดอล จึงทดลองลงทุนครั้งแรก 3,000 บาท เพียงเดือนเดียวก็ได้เงินคืนทั้งต้นและดอกรวม 5,790 บาท เมื่อเห็นว่าได้เงินจริงจึงลงทุนเพิ่ม พร้อมชักชวนน.ส.น้อย ซึ่งเป็นญาติกันมาลงทุนด้วย ซึ่งน.ส.น้อย ลงทุนครั้งแรก 50,000 บาท ได้เงินคืนมา 96,500 บาท
ร.ต.อ.พยุงกล่าวต่อว่า จากอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ ทำให้น.ส.หน่อย และ น.ส.น้อย ย่ามใจอยากได้ผลตอบแทนคืนมามากๆ น.ส.หน่อยยอมขายควายไปหนึ่งคอกประมาณ 7 ตัว ได้เงินมาเกือบ 300,000 บาท และโกหกสามีว่าจะนำเงินไปซื้อเสื้อผ้ามาขาย ความจริงโอนเข้าบัญชีแม่มณี บางครั้งก็โอนเข้าบัญชีนายบอส นอกจากนี้ แม่มณียังโน้มน้าวให้ผู้เสียหายทั้งสองลงเงินเพิ่ม ทั้งคู่จึงนำโฉนดที่นาไปจำนองกับนายทุนเป็นเงิน 2,000,000 บาท แล้วโอนให้แม่มณีทั้งหมดรวม 4,000,000 บาท ไม่ต่างจากน.ส.น้อยที่ถอนเงินจากธนาคารโอนไปให้แม่มณีรวม 1,900,000 บาท ซึ่งสามีของทั้งสองไม่ทราบเลยว่าเมียนำเงินไปให้แม่มณี
ร.ต.อ.พยุงกล่าวอีกว่า น.ส.หน่อยให้การกับพนักงานสอบสวนด้วยว่า หลังมีข่าวแม่มณีโกงแชร์ ก็พยายามโทรศัพท์และไลน์ติดต่อ แรกๆแม่มณีอ้างว่าเป็นข่าวลวง มีบางคนจงใจดิสเครดิต ลูกแชร์อย่าตกใจข่าวลือ กระทั่งตำรวจจับกุมตัวแม่มณีพร้อมสามีได้ ตนจึงปรึกษากันว่ามาแจ้งตำรวจดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเข้าพบพนักงานสอบสวน น.ส.หน่อย (นามสมมติ) และน.ส.น้อย (นามสมมติ) เหยื่อแชร์แม่มณีทั้งสองคน ยกมือไหว้ผู้สื่อข่าวขอร้องอย่าถ่ายภาพและอย่าเผยภูมิลำเนา เพราะหากสามีทราบเรื่องอาจมีปัญหาในครอบครัวได้ อีกอย่างพ่อแม่ของทั้งคู่ก็ป่วย ไม่อยากให้สะเทือนใจ
โดยน.ส.หน่อยกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดด้วยว่า ไม่คาดคิดว่าจะโดนหลอก แต่แม่มณีเสนอดอกเบี้ยจูงใจและได้จริง จึงทุ่มไปสุดตัว 4 ล้านบาท สงสารแต่สามีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“โดนโกงแชร์ยังพอรับได้ โดนผัวทิ้งนี่สิหนูรับไม่ได้ ตอนนี้อยากจะพูดความจริงให้สามีทราบ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร” น.ส.หน่อง กล่าว
ทั้งนี้ ในพื้นที่จ.นครพนม มีผู้ตกเป็นเหยื่อแชร์แม่มณี เข้าแจ้งความแล้ว 7 ราย มีเอกสารหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีแม่มณีและสามี รวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนคดี ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความและลงทะเบียนผ่านระบบคิวอาร์โค้ดคดีแชร์แม่มณีมากกว่า 30 คน เข้าพบนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และนายพงศธร อินอำนวย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เพื่อให้ข้อมูลในคดีแชร์แม่มณี
โดยนายปิยะศิริกล่าวว่า ได้นัดประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีแชร์แม่มณี เพื่อวางแนวทางสืบสวนสอบสวน ซึ่งวันเดียวกันนี้ เว็บไซต์ของดีเอสไอจะประกาศสถานที่สอบปากคำ เพื่อให้ผู้เสียหายจากทั่วประเทศทั้งที่ลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ดประมาณ 4 พันราย และผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน เดินทางไปให้ปากคำที่ศูนย์ประจำภาคทั่วประเทศ 11 แห่งตั้งแต่วันที่ 11-22 พฤศจิกายน ขอให้ผู้เสียหายให้การตามข้อเท็จจริง โดยดีเอสไอจะรับสำนวนการสอบสวนของตำรวจวันที่ 15 พฤศจิกายน ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาสอบสวนไม่เกิน 2 สัปดาห์จะได้ความชัดเจนว่าใครเป็นแม่ทีม ใครเป็นผู้เสียหาย จากนั้นจึงจะออกหมายจับหรือหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้ โดยดีเอสไอจะประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินควบคู่ไปด้วย
ส่วนการเฉลี่ยเงินคืนผู้เสียหายนั้น นายปิยะศิริเผยว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะยึดอายัดทรัพย์ได้มากน้อยเท่าใด อาจต้องใช้เวลานานและคงไม่สามารถคืนเงินได้ครบ 100% อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่สามารถนำข้อมูลจากโซเชียลที่กล่าวอ้างและแชร์ต่อกันว่าคนนั้นคนนี้เป็นแม่ข่ายของแม่มณีมาเป็นหลักฐานได้ ต้องสอบสวนให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ดังนั้น ขอให้ผู้เสียหายทุกคนให้การตามจริง สำหรับตัวเลขผู้เสียหายที่ลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ดประมาณ 4,000 กว่าคนนั้น ดีเอสไอต้องคัดกรองก่อน เพราะผู้เสียหายบางคนไปแจ้งความกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย (ตร.) ตัวเลขอาจอยู่ที่ประมาณ 3,800 คน
“ระหว่างรอ ตร.โอนสำนวนให้วันที่ 15 พฤศจิกายน ดีเอสไอจะทยอยสอบปากคำผู้เสียหายและพยานจนครบ จากนั้นจะขออนุมัติหมายจับหรือออกหมายเรียกเพิ่ม เพราะไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาแค่ 2 รายทำเองทุกอย่าง ต้องมีแม่ข่าย แม่สาย แม่ทีมและแอดมิน ช่วยกระจายข้อมูล โฆษณาประชาสัมพันธ์หาลูกค้า และคนรับโอนเงิน ส่วนดาราหรือเน็ตไอดอลที่รวมสร้างภาพและออกงานกับแม่มณีนั้น หากคณะพนักงานสอบสวนตรวจพบพฤติกรรมเข้าข่าย หรือมีส่วนในวงแชร์จะเรียกมาสอบปากคำด้วย แต่ถ้าถูกแอบอ้างชื่อ ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจก็สามารถเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนได้”นายปิยะศิริกล่าว และว่า ขอให้ผู้เสียหายเตรียมหลักฐานเอกสารการโอนเงิน สเตตเมนต์ หรือแชตไลน์ที่แจ้งโอนเงิน พนักงานสอบสวนจะได้คัดแยกว่าใครเป็นผู้เสียหาย หรือแม่ข่าย
ขณะที่นายพงศธรกล่าวถึงขั้นตอนการคัดแยกใครเป็นแม่ข่าย แม่ทีมว่า สอบสวนเบื้องต้นพบ ประชาชนประมาณ 4,000 คน จะฝากเงินกับตัวแม่มณีโดยตรง ดังนั้น อาจเป็นไปได้ยาก ซึ่งกระบวนการกลุ่มคนเหล่านี้จะมีแม่ข่าย หรือแม่ทีมคอยสร้างและเก็บเงินจากลูกทีมมาอีกทอดหนึ่ง ก่อนนำส่งแม่มณี แต่หลังได้ดอกเบี้ยแล้วจะส่งคืนลูกแชร์เต็มตามแพคเกจ 93% ที่แม่มณีกำหนดหรือไม่ เพราะปกติแม่ข่ายพวกนี้จะหักหัวคิวด้วย ดังนั้น การสอบสวนขอให้ผู้เสียหายให้การตามข้อเท็จจริงว่าโอนเงินโดยตรงไปที่แม่มณีหรือแม่ข่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี